ขึ้นวัน..ลงวัน โมนิก้าและทีมงาน

*หากดูโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์จะเห็นว่า การเคลื่อนตัวยังเป็นลักษณะ “ขึ้นวัน ลงวัน” โดยนักเล่นกลุ่มสถาบัน “ผลัดกันซื้อ ผลัดกันขาย” ส่งผลให้ดัชนียังคงวนเวียนไปมาในกรอบ 1,370-1,400 จุด โดยหุ้นกลุ่มหลักยังคงแกว่งตัวไปมาในกรอบเดิมๆ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า อย่าหวังอะไรมากกับการลงทุนในเที่ยวนี้ เพราะยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ทำให้หุ้นยืนระยะได้นะซี


*หากดูโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์จะเห็นว่า การเคลื่อนตัวยังเป็นลักษณะ “ขึ้นวัน ลงวัน”  โดยนักเล่นกลุ่มสถาบัน “ผลัดกันซื้อ ผลัดกันขาย” ส่งผลให้ดัชนียังคงวนเวียนไปมาในกรอบ 1,370-1,400 จุด โดยหุ้นกลุ่มหลักยังคงแกว่งตัวไปมาในกรอบเดิมๆ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า อย่าหวังอะไรมากกับการลงทุนในเที่ยวนี้ เพราะยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ทำให้หุ้นยืนระยะได้นะซี

*บวกกับคนที่ดันดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,393.41 จุด บวกไป 14.35 จุด ด้วยมูลค่า 4.94 หมื่นล้านบาท เกิดจากแรงซื้อของปอบผีฟ้าเป็นหลัก และได้คนช่วยดันก้นเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว ขณะที่กองทุนยังคงมุ่งมั่นกับการเทขายหุ้นทำกำไร ส่วนแมงเม่าก็ฉวยโอกาสขายทำกำไรกันอยู่แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นการชิงไหวชิงพริบที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และทำให้คำแนะนำ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ยังมีมนต์ขลังต่อไปนะจ๊ะ

*เหมือนกับการลงทุนในหุ้น 4G ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า เรื่องจริงๆ เป็นเช่นไร ทุกวันนี้เทรดบนข่าวที่ออกมาในแต่ละวัน จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขี้เกียจลงรายละเอียด เพราะต้องการฟันธงทีเดียวในวันที่ 21 มี.ค. “โมนิก้า” ถือเป็นการเล่นบท 2 หน้า เพื่อทำให้คนที่อ่านเกมออกเข้าใจถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับ TRUE ADVANC DTAC และ JAS ซึ่งแต่ละรายพยายามสร้างเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเองเจ้าค่ะ

*วันนี้ไปถามเจ้าไหนก็ตาม!..มักได้ยินคำตอบว่า เอาอยู่ไม่มีปัญหา? แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับไม่ตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นภาพที่ฟ้องว่า คนเล่นก็ถอดใจเป็นเหมือนกัน ซึ่งมันเหมือนกับเรื่องซิมดับของค่ายเอไอเอส “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของข่าวสารที่หลายคนรู้อยู่แล้ว แต่ยังปรู๊ฟไม่ได้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเท่าไหร่? ส่งผลให้หุ้นสื่อสารทั้งกลุ่มยังไปไหนได้ไม่ไกลสักทีไงล่ะค่ะ

*ผิดกับในรายของ PTT และPTTEP เพราะเมื่อดูทรงของหุ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา โพซิชั่นยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่โพซิชั่นในช่วงสั้นๆ ยังอยู่ในช่วงของการย่ำฐาน จึงกลายเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากพอสมควร บวกกับได้ยินเสียงออดอ้อนของมาม่าบลูบอกผ่านพรายกระซิบว่า เขาหันมาลงทุนในหุ้นพื้นฐานเยอะพอสมควร ยิ่งกระตุ้นให้เดี๊ยนหันมามองหุ้นตัวนี้มากขึ้นในทันทีนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ IRPC ใครอยากรู้ว่า หุ้นตัวนี้มีดีอะไร? “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มางานสัมมนาของ “ข่าวหุ้น” วันที่ 19 มี.ค. เพราะได้ข่าวจากคนใกล้ชิดว่า เตรียมข้อมูลมาเล่าให้ฟังอย่างเต็มที่ บวกกับหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 5.10 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 1.80 พันล้านบาท ย่อมมีนัยสำคัญอย่างแน่นอน และประเด็นที่เดี๊ยนสนใจสุดคงเป็นปัจจัยหนุนที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นถึง 6.50 บาท มันมีอะไรบ้าง? ตรงนี้แหละที่อยากให้แฟนคลับมาฟังด้วยตนเองนะคะ

*พร้อมกันนี้อย่าลืมว่า “โมนิก้า” ยังมีหุ้น ERW และ JWD ซึ่งว่ากันว่า เป็นตัวทีเด็ดที่นักเล่นไม่ควรมองข้าม อีกทั้งกูรูบางรายแนะนำให้ชำเลืองตามองไว้บ้าง ย่อมเป็นแรงกระตุ้นให้งานสัมมนารอบนี้มีครบทุกรสชาติ เพราะรายแรกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างเต็มตัว ส่วนรายหลังกำลังอยู่ในช่วงควานหาฐาน เดี๊ยนถึงมั่นใจเกิน 100% ว่า นี่เป็นหุ้นทางเลือกที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนเจ้าค่ะ

*ส่วนคนที่นิยมเล่นหุ้นต่ำสิบที่เล่นเป็นรอบๆ “โมนิก้า” ขอให้ทุกท่านหันมามอง TPIPL ก็แล้วกัน เพราะไซเคิลของหุ้นก่อตัวเป็นลักษณะ v-shape ลูกเล็กๆ หลายลูกซ้อนกันไปมา ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน บวกกับสถานการณ์ล่าสุดมีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก  จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.66 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 6.4% ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาท มันทำให้เชื่อว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นไปหายอดเก่าบริเวณ 3 บาทอีกครั้ง..ก่อนจะไปถึงตรงจุดนั้น ต้องฝ่าแนวต้านเก่าแถว 2.80 บาทไปให้ได้เสียก่อนนะตัวเอง

*นอกจากนี้ “โมนิก้า” ขอคั่นเวลาพูดถึงหุ้นเก็งกำไรแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวอย่างสิ่งมีชีวิตเล็กๆ LIVE ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น TT เพื่อให้แฟนคลับรู้ถึงกำพืดเก่า ก่อนจะเคาะขวาแบบสุดซอยกันสักเล็กน้อย เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ 0.58 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท สายตาทุกคู่หันไปมองที่ท่าทีของ เสี่ยจ. กับภรรยาของเขาในทันทีว่า ลากอีกแล้วใช่ไหม? เพราะรอบที่แล้วดันขึ้นไป 0.90 บาท ต่อจากนั้นปล่อยร่วงลงมาเหลือแค่ 0.40 บาท..รอบนี้จะเป็นเหมือนเก่าไหม?..อิอิอิ

*สำหรับรายที่ไม่เหมือนเก่าในรอบนี้ก็คือ BANPU ประกาศเพิ่มทุนสัดส่วน 2 ต่อ 1 ในราคาหุ้นละ 5 บาท ทำเอาชาวบ้านตกใจกันหมด! พร้อมกับเกิดคำถามว่า เพิ่มทุนไปเพื่ออะไร? หรือว่า เกิดแอ๊กซิเด็นท์อะไรบางอย่างหรือเปล่า? ซึ่งหลายคนกำลังรอคอยคำตอบที่ชัดเจนอย่างใจจดใจจ่อ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ นักเล่นไม่แฮปปี้กันอย่างเห็นได้ชัด จึงเทขายหุ้นอย่างหนัก จนหุ้นลงมาปิดที่ 16.60 บาท ลบไป 2.30 บาท หรือลงไป 12% ด้วยมูลค่า 1.90 พันล้านบาท เดี๊ยนถือเป็นการแสดงออกแบบอารยะขัดขืนเจ้าค่ะ

Back to top button