JAS อาจเซอร์ไพรส์ลูบคมตลาดทุน

ธนะชัย ณ นคร

 

จากทรงการให้สัมภาษณ์ของนายแบงก์ต่างๆ แล้ว ถือว่ามีนัยสำคัญ

วานนี้ “เสี่ยปั้น” คุณบัณฑูร ล่ำซำ บอสใหญ่ของแบงก์กสิกรไทย หรือ KBANK ก็ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องแจสว่า “ตอบไม่ได้” และ “เป็นความลับลูกค้า”

หลังจากนั้น ก็เอามือปิดปาก และเดินเข้าลิฟต์ไป

ส่วน “เสี่ยโทนี่” คุณชาติศิริ โสภณพนิช ก็ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเป็นเชิงว่า จะพิจารณาไปตามหลักการพิจารณาสินเชื่อ

นี่ก็เป็นคำตอบแบบหลักการเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ผมเคยบอกไว้แล้วว่า แจสนั้นไม่ได้เดินอย่างโดดเดี่ยว

ทว่าพวกเขายังมี “มาชานลี” หรือชาญ บูลกุล เจ้าของ “บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป” บริษัทด้านวาณิชธนกิจชั้นเซียน เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับแจส

มาชานลี ไม่ใช่บุคคลธรรมดาในวงการตลาดเงิน และตลาดทุน

ว่ากันว่า เรื่องของแจส กับการหาแบงก์การันตีโครงการ 4G คลื่นความถี่ 900 MHz มีบุคคล 3 คน เท่านั้นที่ทราบรายละเอียดลึกๆ ทั้งหมด

1.ดร.อดิศัย โพธารามิก

2.พิชญ์ โพธารามิก

และ 3. มาชานลี หรือคุณชาญ บูลกุล

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า แจส พยายามหาแบงก์การันตีที่เป็นธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศเข้ามาช่วย

นอกเหนือจากสถาบันการเงินจากญี่ปุ่นที่มีการติดต่อ ก็ยังมีธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งจากมาเลเซีย นั่นคือ “เมย์แบงก์”(Maybank)

ทว่าเรื่องดังกล่าวได้รับการปฏิเสธ

ผู้บริหารระดับสูงจากเครือข่ายเมย์แบงก์ในประเทศไทยให้สัมภาษณ์กับผมว่า “ไม่มี” และ “ไม่มีแน่นอน”

ล่าสุดมาชานลี ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นเชิงยืนยันว่า แจสจะสามารถหาแบงก์มาการันตีได้ เพราะทุกเรื่องนั้น ย่อมมีทางออก หรือการแก้ปัญหา

เพียงแต่ว่ายังเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ไม่ได้ระหว่างการหารือ

เพราะเป็นข้อตกลงกันระหว่างนายแบงก์กับลูกค้า

การให้สัมภาษณ์ของมาชานลี สอดคล้องกับท่าทีของนายแบงก์ที่เป็นระดับเจ้าสัว ที่จะเลี่ยงการตอบคำถาม

หรือหากจะต้องตอบจริงๆ ก็จะตอบแบบกว้างๆ ตอบไปตามหลักการว่า การพิจารณาเพื่อสนับสนุนทางการเงิน จะต้องดูจากปัจจัยใดๆ บ้าง

จริงๆ แล้วหลายๆ คนต่างบอกว่า เรื่องของแจสไม่ต้องรอวันที่ 21 มี.ค.หรอก

วันศุกร์ที่ 18 มี.ค.นี้ ก็น่าจะได้คำตอบที่ค่อนข้างจะชัดเจนแล้ว

มีประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มอีกครับ

เรื่องของหลักวิศวกรรมการเงินที่แจสจะนำมาใช้นั้น  ไม่มีใครปฏิเสธว่า จะไม่เกิดขึ้น ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม

แต่ประเด็นที่ทุกคนจับตาคือ แผนธุรกิจของแจสที่จะนำมาอ้างอิงกับบรรดานายแบงก์นั้น จะเป็นวิธีการใด เพราะดูเหมือนเรื่องนี้นายแบงก์จะให้ความสำคัญมากสุด

แน่นอนว่า หากวันศุกร์นี้มีความชัดเจนออกมา  บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ราคาหุ้น JAS น่าจะปรับลงค่อนข้างแรงอีกครั้ง แต่อาจจะลงไปไม่เท่ากับก่อนหน้านี้ และหลังจากนั้น ราคาก็จะดีดตัวขึ้นมาได้ เมื่อมีความคืบหน้าจากการขอซื้อหุ้นคืนของ JAS ที่ระดับราคาประมาณ 5 บาทต่อหุ้น

ไม่ว่าจะอย่างไรครับ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมอง และการวิเคราะห์ของบุคคลในวงการเท่านั้น

ส่วนคำตอบที่ชัดเจนจะปรากฏขึ้นในเร็วๆ นี้