เกือบไม่รอดโมนิก้าและทีมงาน

*อาการกวัดแกว่งไปมาของดัชนีที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา บวกกับแรงซื้อที่เข้ามาอย่างกระท่อนกระแท่น รวมทั้งไม่สามารถพลิกแนวต้านเป็นแนวรับ หรือแม้กระทั่งนักลงทุนสถาบันหันมาเป็นผู้ขาย ล้วนเป็นตัวแปรที่ส่งผลให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ เน้นเทขายหุ้นทำกำไรเมื่อดัชนีถีบตัวขึ้นไปใกล้ 1,400 จุด เดี๊นถึงมองการขยับตัวในวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่พะยะค่


*อาการกวัดแกว่งไปมาของดัชนีที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา บวกกับแรงซื้อที่เข้ามาอย่างกระท่อนกระแท่น รวมทั้งไม่สามารถพลิกแนวต้านเป็นแนวรับ หรือแม้กระทั่งนักลงทุนสถาบันหันมาเป็นผู้ขาย ล้วนเป็นตัวแปรที่ส่งผลให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ เน้นเทขายหุ้นทำกำไรเมื่อดัชนีถีบตัวขึ้นไปใกล้ 1,400 จุด เดี๊นถึงมองการขยับตัวในวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่พะยะค่ะ

*งานนี้ไม่ต้องไปถามผู้รู้ให้เสียเวลาเคาะขวา และไม่จำเป็นต้องไปจินตนาการไปไกล เพราะของมันเห็นกันอย่างท่นโท่ว่า การกระชากขึ้นมาทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,389.77 จุด สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,380.20 จุด  บวกไป 2.40  บาท ด้วยมูลค่า 4.70 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการฉายภาพวนไปวนมา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากที่เป็นมา เพราะฝรั่งหัวทองยังสาดหุ้นออกมาอีก 1 พันล้านบาทเจ้าค่ะ

*ส่วนสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมนิดหนึ่งคงเป็นการเข้ามาซื้อของกองทุนตัวแสบ ซึ่งอาจทำให้บางคนเกิดอาการกระชุ่มกระชวยขึ้นเล็กน้อย แต่ขอบอกไว้เลยว่า ซื้อเพื่อขายมากกว่าซื้อลงทุน ซึ่งเป็นภาพเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรดีขึ้น และอีกหนึ่งสิ่งที่สัมผัสได้ในช่วงนี้คือ การโยกกลุ่มหุ้นที่เล่นไปเรื่อยๆ จากแบงก์ มาสื่อสาร ถัดมาเป็นพลังงาน สลับจังหวะด้วยปิโตรเคมี ก่อนจะคั่นรายการด้วยอสังหาฯ นะจะบอกให้

*เหล่านี้เป็นมุกเดิม “โมนิก้า” เห็นจนชินตา และการที่หุ้น PTT  วิ่งขึ้นมาปิดที่ 278 บาท บวกไป 7 บาท ด้วยมูลค่า 2.40 พันล้านบาท พร้อมกับขึ้นเครื่องหมาย doji evening star พ่วงด้วยทิศทางที่โค้งตัวลงอย่างช้าๆ มันเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการไปรอรับแถว 274 บาท เพราะแพทเทิร์นในเที่ยวนี้ยังออกอาการเป๋จนกู่ไม่กลับ การเด้งขึ้นเป็นเพียงขึ้นเพื่อลงเจ้าค่ะ

*ผิดกับในรายของ TOP หากมองไซเคิลของหุ้นแค่ระยะสั้นๆ “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนต์สำหรับที่ชอบเล่นรอบ แต่ถ้ามองไซเคิลของหุ้นให้ยาวอีกสักหน่อย ต้องบอกเลยว่า กำลังผงกหัวขึ้นอย่างช้าๆ ในรูปแบบ u-shape จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับคนที่มีเงินเย็นแช่ไว้เยอะๆ แถมผ่านช่วงเลวร้ายของการทำธุรกิจมาแล้ว วันนี้ถึงมีแต่แสงสว่างส่องเป็นประกาย..อิอิอิ

*ส่วนความจริงใจเกี่ยวกับตัวของ JAS ยังเป็นอะไรที่ไว้ใจไม่ได้เลยสักอย่าง? เพราะไปๆ มาๆ ก็เป็นเพียงแค่หุ้นที่เทรดสั้นๆ วันไหนขาใหญ่กระโจนใส่ หุ้นก็วิ่งระเบิดระเบ้อ พร้อมกับมีข่าวเม้าท์จะจ่ายเงินอย่างนั้นอย่างนี้ พอถัดมาอีกวันก็กลายเป็นอีกประเด็นเสียฉิบ “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 3.44 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 4.44% ด้วยมูลค่า 1.80 พันล้านบาท..มันเป็นเกมของคนที่ชอบความเสี่ยงนะจะบอกให้

*คิดดูแล้วกัน..หุ้นแม่ออกอาการตุปัดตุเป๋อย่างหนัก แต่หุ้นลูก JTS กลับแสดงอาการแบบชิวๆ พร้อมกับกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.85 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 13.50% ด้วยมูลค่า 501 ล้านบาท “โมนิก้า” มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็เป็นเพียงแค่สงครามวันเดียว..ในเมื่อตัวแม่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการจ่ายเงิน วันนี้ยังกล้าเล่นกันอีกเหรอ?..ลองถามใจตัวเองกันก่อนดีกว่านะคะ

*อีกหนึ่งรายต้องเฝ้าสังเกตให้ดีๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นไก่ TFG ราคาหุ้นกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1.28  บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 5.80% มันเป็นจังหวะของการโหนกระแสชัดๆ เพราะเพิ่งขยับขึ้นแรงเป็นวันแรก แต่เป็นการขยับขึ้น 2 วันติดต่อกัน วันนี้ถึงต้องถามใจมิตรรักแฟนเพลงมองหุ้นไก่ตัวนี้อย่างไร? เพราะไซเคิลของหุ้นตอนนี้เป็นแบบ v-shape นะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ IFEC เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.15 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท โดยเป็นการเด้งขึ้นแรงวันแรก หลังจากโดนทิ้งลงมาหลายวัน มันเป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ เพราะของมันเห็นมาหนึ่งรอบแล้วว่า กำลังฟอร์มตัวเป็นแบบตัววี โดยเป้าหมายแรกอยู่ที่ระดับ 7.50 บาท หากทะลุผ่านขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่ง เป้าหมาย 8 บาทก็ไม่ไกลเกินเอื้อมนะคะ

*สำหรับในรายของ GLOBAL โดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนสุดท้ายลงมาปิดที่ 8.95 บาท ลบไป 1.35 บาท หรือลงไป 13% ด้วยมูลค่า 225 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นผลกระทบทางจิตวิทยามากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะหลังจาก ก.ล.ต. สั่งปรับตระกูล “สุริยวนากุล” เป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาททำให้คนเล่นเกิดอาการฝ่อไปในทันที แต่สุดท้ายหุ้นจะกลับมาได้ (ดู CPALL เป็นตัวอย่าง) เจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องรีเทิร์นขึ้นมาปุ๊บ เดี๊ยนนึกถึงหุ้น CHO ขึ้นมาปั๊บ เพราะเป็นหุ้นที่กลับมาด้วยปัจจัยพื้นฐาน และมีข่าวดีรองรับล้วนๆ “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างดีใจที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.96 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 11.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า “เสี่ยจิง” ปั้นโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าระบบรางเบามาเป็นเวลาหลายปี พอรัฐบาลทหารอนุมัติโครงการ ก็ทำให้บริษัทนี้ขึ้นมาเป็นตัวเต็งในทันทีนะจะบอกให้

Back to top button