สองมาตรฐาน?โมนิก้าและทีมงาน
*หลังจากปล่อยให้ชุมชนชาวสีม่วง..อุ๊ย..ชาวเม้าท์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องธรรมาภิบาลกันอย่างจุใจ รวมทั้งปล่อยให้กลุ่มนักเลงคีย์บอร์ดได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างไม่ยั้ง “โมนิก้า” ก็ได้ข้อสรุปเรื่องนี้แบบไม่เป็นทางการว่า “ปากว่าตาขยับ” กันทั้งนั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากคนต้นเรื่องไม่ยอมทำทุกอย่างอย่างสุดซอย ปัญหาก็เลยคาราคาซังจนถึงทุกวันนี้ไงล่ะค่ะ
*หลังจากปล่อยให้ชุมชนชาวสีม่วง..อุ๊ย..ชาวเม้าท์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องธรรมาภิบาลกันอย่างจุใจ รวมทั้งปล่อยให้กลุ่มนักเลงคีย์บอร์ดได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างไม่ยั้ง “โมนิก้า” ก็ได้ข้อสรุปเรื่องนี้แบบไม่เป็นทางการว่า “ปากว่าตาขยับ” กันทั้งนั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากคนต้นเรื่องไม่ยอมทำทุกอย่างอย่างสุดซอย ปัญหาก็เลยคาราคาซังจนถึงทุกวันนี้ไงล่ะค่ะ
*โดยเฉพาะกรณีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 5 แห่งโดนปรับกันอย่างถ้วนหน้า ไล่เรียงมาตั้งแต่ BKI, WHA, GLOBAL, FER (MLINK เดิม) และตัวสุดท้าย PERM ก็มีการทวงถามถึงท่าทีของกลุ่มบุคคลที่เคยออกแอ็กติ้งต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับ CPALL ทำไมช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว จนผู้คนในวงการเริ่มเม้าท์ถึงสิ่งของบางอย่างไปปิดปากไว้หรือเปล่า? เลยได้แต่ร้อง..แบะ..แบะ..แบะ พะยะค่ะ
*เหล่านี้เป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานในการเอาจริงเอาจัง ที่ยังคงเป็นเพียงวาทกรรมที่ทำให้คนพูดดูโก้เก๋ แต่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ซึ่งสังเกตได้จากข่าวสารที่ออกมาในเที่ยวนี้ มันเงียบเหมือนเป่าสาก แถมกลุ่มคนที่เคยรับไม้ต่อเป็นลูกระนาด ก็อันตรธานหายไปเสียจนหมดเกลี้ยง “โมนิก้า” ถึงต้องลุกขึ้นมาทวงถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ว่ามันคืออะไร?
*ประกอบกับเดี๊ยนชอบแส่เรื่องของชาวบ้านเป็นชีวิตจิตใจ จึงขอพุ่งเป้าไปยังหุ้น GLOBAL หลังพรายกระซิบแนะนำให้ไปดูรายชื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในเที่ยวนี้มีชื่อของ กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว ถือหุ้นอยู่ 52.86 ล้านหุ้น หรือ 1.73% พ่วงด้วย กองทุนเปิด บัวหลวงทศพล ถือหุ้นอยู่ 26.70 ล้านหุ้น หรือ 0.88% และปิดท้ายด้วย กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 จำนวน 26.01 ล้านหุ้น หรือ 0.85%..มันมีนัยสำคัญอะไรหรือเปล่า?
*งานนี้เดี๊ยนไม่อยากเป็นคน “พูดเอง เออเอง” เพราะต้องการให้สังคมได้ฉุกคิดเรื่องต่างๆ ด้วยใจที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะประเด็นดังกล่าวยังเชื่อมโยงไปถึง BKI ซึ่งเป็นหุ้นที่ถือโดยคนในตระกูล “โสภณพนิช” และเมื่อเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมาแบบนี้ ผู้คนย่อมอยากรู้ท่าทีของ “เจ๊ ต.” ซึ่งเคยออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ทำไมครั้งนี้ถึงเงียบผิดปกติไปเลยล่ะ..แฟนคลับจอมเผือกเขาคิดถึงอย่างแรงนะจะบอกให้
*ประเด็นตรงนี้กลายเป็นที่ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ และตามสี่แยกปากปีจอ เพราะสิ่งที่ผู้คนกำลังตามหานั้น มันเป็นเพียงความเพ้อฝันที่ไม่มีทางหาเจอ ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดนกับกลุ่มของตัวเองด้วย ยิ่งมีเกราะกำบังบางอย่างมากั้นไว้ “โมนิก้า” จึงขอแสดงความเสียใจ พร้อมกับขึ้นป้าย R.I.P เพื่อให้ทุกคนอยู่ในความสงบชั่วคราว หลังเห็นกันจะจะว่า มันเป็นความลับที่อยู่ในใจเจ๊ตัวอ้วน ซึ่งไม่อาจบอกใครได้..อิอิอิ
*ข้อมูลเหล่านี้ยังย้อนไปถึงการทำหน้าที่สีเทาของ ก.ล.ต. พร้อมกับถูกบริษัทจดทะเบียนตั้งคำถามว่า การพูดแบบไหน ถึงจะไม่โดนเล่นงาน หลังเห็นคำสัมภาษณ์ของ “หมอจอร์จ” ผู้กุมบังเหียน WHA พูดเกี่ยวกับการเทคโอเวอร์บริษัทแห่งหนึ่ง แล้วโดนข้อหาปากพาซวย!..มันต่างจากที่ปูนใหญ่ SCC พูดถึงการไปเทคโอเวอร์บริษัทอื่น และประเมินกำไรจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรมิทราบเจ้าค่ะ
*เนื่องจากข้อหาที่โดนในเที่ยวนี้ มันไม่มีมาตรวัดที่ชัดเจน ซึ่งทำให้รู้ว่า ก.ล.ต. ไม่เข้าใจกลไกของตลาดหุ้น ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็หลงลืมหน้าที่โปรโมเตอร์ไปเสียฉิบแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงเห็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กเกาหัวกันแกรก..แกรก เพราะไม่รู้ว่า ตัวเองจะโดนข้อหาให้ข่าว..ก็มีความผิด ให้ข่าวไม่ตรง..ก็มีความผิดเมื่อไหร่? ส่งผลให้ผู้บริหารเกิดอาการมืดแปดด้านพะยะค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องหนักๆ มาพอสมควร “โมนิก้า” ขอเม้าท์เรื่องที่หนักกว่าอย่าง JAS เพื่อกระตุ้นให้ต่อมอะดีนาลีนทำงานอีกครั้งดีกว่า! หลังผู้บริหารออกมาบอก กสทช. ให้ช่วยหยุดพูดถึงการจ่ายเงิน 7 หมื่นกว่าล้านบาท เพราะเขายังมีเวลาถึง 16.30 น. ของวันที่ 21 มี.ค. 59 จึงมีสิทธิ์ออกทั้งด้านบวก และด้านลบ ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานเด้งขึ้นมาปิดที่ 3.58 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 1.50 พันล้านบาท..มันเป็นอะไรที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดพะยะค่ะ
*ส่วนในรายของ ADVANC คงไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เพราะมันเสียมามากพอแล้ว ราคาหุ้นถึงเด้งเบาๆ ก่อนจะมาปิดที่ 171 บาท บวกไป 2.50 บาท ด้วยมูลค่า 1.60 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นไซเคิลที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะหุ้นเพิ่งเด้งขึ้นปิดเขียวเป็นวันแรก น่าเสียดายที่โพซิชั่นของหุ้นยังอยู่ในช่วงของการอ่อนตัว แถมกรอบเคลื่อนตัวก็แคบลงเรื่อยๆ จึงกล้าฟันธงว่า คงไปไหนได้ไม่ไกลเจ้าค่ะ
*สำหรับรายที่พิลึกกึกกือสุดๆ “โมนิก้า” มองไปที่หุ้น AMATAV หลังหุ้นกระชากขึ้นแรงตลอดทั้งสัปดาห์โดยไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับคิดให้ดีก่อนกระโจนเข้าใส่ เพราะการขึ้นมาปิดที่ 10.20 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท แถมเป็นการขึ้นมาปิดที่ high เดิม โดยใช้เวลาแค่ 5 วัน มันเป็นโอกาสหรือความเสี่ยงกันแน่..ลองไปคิดกันดูนะคะ
* ป.ล. วันนี้แนวทางการลงทุนไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะต่างฝ่ายต่างเล่นสั้นเหมือนกันหมด หุ้นถึงยังไปไหนได้ไม่ไกลพะยะค่ะ