เกมโอเว่อร์!โมนิก้าและทีมงาน

*หลังจากชาวหุ้นลุ้นระทึกกันมาตลอดทั้งวัน ในที่สุดก็เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง “เงินมีเงินพี่ต้องมา นี่เงินไม่มา ก็เพราะว่า เงินไม่มี” เดี๊ยนถือเป็นคำร้องที่เข้ากับสถานการณ์ ณ เวลานี้สุดๆ และยังเป็นการบอกถึงอารมณ์ของนักเล่นในตลาดหุ้นที่มีต่อหลวงพี่แจ๊ส JAS มันเป็นโมเมนต์ที่ทำให้ทุกอย่างจบลงเสียที แม้จะเป็นภาพที่สร้างความผิดหวังให้กับกองเชียร์ แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปนะคะ

*วันนี้ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่สังคมบนโลกโซเชียลต่างพร่ำพรรณนาถึงหลวงพี่แจ๊สในทางที่ไม่ดี พร้อมกับมีการขุดคุ้ยถึงเหตุการณ์ตั้งแต่เข้าประมูล ตอนนั้นได้พูดอะไรไว้บ้าง แต่หลังจากนั้นทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ ก่อนจะลงเอยด้วยอาการเซ็งเป็ดกันอย่างถ้วนหน้า (เหมือนลิเวอร์พูลนำ 2-0 แต่ดันมาแพ้ 3-2) มันคือรอยด่างที่จะติดตัวไปอีกนานแสนนานเลยพะยะค่ะ

*เดี๊ยนเม้าท์แบบนี้ เพื่อต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่า “มันจบแล้วค่ะ..นาย” เรื่องถูกปรับเป็นจำนวนเท่าไหร่? ต้องรอให้ กสทช. เป็นคนออกมาพูดเอง และหลังจากนั้นจะโดนข้อหาอะไรเพิ่มเติมอีก ก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันต่อไป แต่สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ ณ เวลานี้คือ “4G เกมโอเว่อร์” ไม่มีความจำเป็นต้องไปจุดประเด็นดังกล่าวมาเล่นอีกต่อไป เพราะหน้าไพ่ในเที่ยวนี้ย้ายไปอยู่ที่เรื่องซื้อหุ้นคืนเจ้าค่ะ

*ประเด็นตรงนี้ต่างหากที่จะทำให้หุ้นวิ่งระเบิดระเบ้ออีกรอบ เพราะเมื่อดูจากราคาที่รับซื้อหุ้นละ 5 บาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนที่สูงถึง 20% ของหุ้นที่จดทะเบียน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.68 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 3.22 พันล้านบาท เพราะมันหมายความว่า มีเงินมาซื้อหุ้นคืนอย่างแน่นอน แถมราคาปิดวานนี้มีอัพไซด์ 20%  ขาลุยถึงได้กระโจนกันอุตลุดไงล่ะค่ะ

*สิ่งที่ต้องคิดถัดมาก็คือ ในเมื่อประเด็นดังกล่าวได้รับการยืนยันจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำได้อย่างสะดวกโยธินบูรณะ “โมนิก้า” ก็จำเป็นต้องเม้าท์ถึงจุดต่อไปของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน? เพราะโอกาสในการเป็นผู้นำในโลกสื่อสารไร้พรมแดนไม่เปิดกว้างเหมือนเมื่อก่อน จึงต้องคิดให้ได้ว่า หากจบเกมซื้อหุ้นคืนอย่างเป็นทางการ เกมต่อไปที่จะทำให้หุ้นตัวนี้ขึ้นต่อ..มันคืออะไรเหรอค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เหตุการณ์หลายอย่างวิ่งกลับไปที่จุดเริ่มต้น เซียนหุ้นทั้งหลายถึงโฟกัสไปที่ยักษ์ใหญ่อย่าง ADVANC เพราะเป็นเจ้าที่มีภาษีดีสุดในการกระโจนเข้าแข่งขันในรอบถัดไป ซึ่งจุดกระแสให้มีการเข้ามาไล่ราคากันอย่างคึกคัก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 177 บาท บวกไป 6 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่า 3.33 พันล้านบาท พร้อมกับสลัดอาการโค้งตัวลงแบบซึมๆ มันสะท้อนอะไรบางอย่างให้รู้หรือเปล่า?..ลองคิดกันดูนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ DTAC  กระชากพรวดพราดขึ้นมาปิดที่ 42.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่ทุกคนคาดหวังว่า เจ้านี้ก็เป็นตัวเต็งที่จะเข้าประมูลในรอบถัดไปเหมือนกัน และเค้กชิ้นนี้ก็ยังไม่ถูกแบ่งให้กับคนอื่น จึงมีโอกาสที่จะกลายเป็นตาอยู่คว้าพุงปลาไปกิน แถมในระหว่างวันมีการแย้มไต๋ออกมาให้เห็นว่า ควรจะ set zero พร้อมกับตั้งต้นราคาประมูลที่ 1.28 หมื่นล้านบาทเท่าเดิม..กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคุณพี่?

*อีกหนึ่งรายที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ TRUE ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายมองข้ามช็อตไปถึงขั้นที่ว่า ในอนาคตจะกินส่วนของคู่แข่งขันเจ้าอื่น เพราะตอนนี้มีครบทั้งคลื่น 4G และยังมีบรอดแบรนด์ ซึ่งเป็นออปชั่นที่เหนือกว่าคู่แข่งที่อยู่ในเวทีนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นลองจินตนาการตามกันไปว่า นี่ใช่กิมมิคที่จะทำให้ราคาหุ้นเทคตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ หรือเปล่า? หากคิดว่า ใช่! ก็ควรวิเคราะห์ให้แตกฉานไปเลยว่า ราคาปิดที่ 8 บาท บวกไป 0.15 บาท ด้วยมูลค่า 835 ล้านบาท มันอันเดอร์แวลูขนาดไหนนะคะ

*เม้าท์ถึงเรื่องหนักๆ มาเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ขอพูดถึงหุ้นแปลกๆ อย่าง SMPC บ้างดีกว่า!..จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 9.80  บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 165 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืมซึมกระทืออยู่ที่ฐาน 8.50-9.10 บาทเป็นเวลาเดือนครึ่ง จึงต้องคิดต่อไปอีกขั้นว่า หุ้นจะวิ่งขึ้นไปถึง 12 บาทเหมือนกับรอบที่แล้วไหม? และกลายเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับพวกไวไฟในทันทีเจ้าค่ะ

*ส่วนคนที่ชอบเครื่องเรียบเดินเบา “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมาดู SCI เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในเที่ยวนี้ ในเมื่อคอนเซ็ปต์การทำธุรกิจเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และยังมีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แถมราคาหุ้นทะยานเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ 8.20 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนมองเป้าถัดไปที่ 9 บาทในทันที เพราะมันเคยขึ้นไปถึงนะซี

*เช่นเดียวกับหุ้นสุดเลิฟอย่าง TACC  “โมนิก้า” ได้เล่าให้ฟังถึงแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3 ปีซ้อนไปหมดแล้ว และหากคิดตามตรรกะที่ทำธุรกิจกับเซเว่น และวันนี้ยังซัพพอร์ตไม่ครบทุกสาขา ปีนี้ถึงโตก้าวกระโดดแน่ๆ..คิดดูแล้วกัน กำไรต่อหุ้นปี 58 อยู่ที่ 0.21 บาท ปี 59 โตเท่าตัว กำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่ที่ 0.42 บาท คิดบนค่าP/E 20 เท่า ได้ราคาที่ 8.40 บาท หากบวกราคาพรีเมียมเข้าไปอีก ก็จะอยู่แถวๆ 11 บาท  ขณะที่ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 6.65 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 155 ล้านบาท มันน่าสนหรือไม่..ลองคิดกันเอาเองว่า สิ่งที่เดี๊ยนเม้าท์ “ผิด” หรือ “ถูก”..อิอิ