อวสานโลกสวยโมนิก้าและทีมงาน

*ไปๆ มาๆ สังคมชาวหุ้นยังคงตื่นเต้นกับท่าทีของผู้บริหารกลุ่ม JAS เหมือนกับวันก่อนๆ ไม่มีผิดเพี้ยน แถมตลอดทั้งวันก็มีแต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนี้เพียวๆ “โมนิก้า” เลยสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้กันเอาอง และเหตุผลของแต่ละฝั่งที่หยิบยกขึ้นมาอธิบายในแต่ละช็อต สังคมชาวหุ้นจะเป็นคนตัดสินเองว่า ควรจะเชื่อใครพะยะค่ะ

*วันนี้ถึงอย่าได้มองเรื่องต่างๆ  ว่าสวยงามไปหมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ไม่มีอะไรอะไรแน่นอน! ขนาดคุณน้อง “พิชญ์” เตรียมตั้งโต๊ะเปิดใจถึงเรื่องราวกระเป๋าแบนแฟนทิ้ง  จู่ๆ คุณน้องก็ชิ่งหนีหายไปเสียฉิบแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก จนทำให้ชาวเผือกขุดคุ้ยข้อมูลตั้งแต่อดีตชาติออกมาเล่นกันอย่างสนุกสนานไงล่ะค่ะ

*ที่สำคัญทำให้กองเชียร์ผิดหวังไปตามๆ กัน และเกิดอาการใจตุ้มๆ ต่อมๆ ขึ้นมาในทันที เพราะโดนขึ้นเครื่องหมาย H ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ในช่วงภาคบ่าย ต่อจากนั้นก็ไม่มีข่าวสารอะไรออกมาอีกเลย ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็รอคอยคำตอบจากฝั่งผู้บริหารอย่างใจจดใจจ่อ เพราะคำชี้แจงที่ออกมาว่า กสทช.ยึดเงินประกันการประมูลไป 644 ล้านบาท จากบริษัทลูกJMBBไม่ส่งผลกระทบกับตัวแม่นะซี

*ทั้งที่ความจริงที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้คือ ในนั้นมีเงินที่แม่ให้ลูกกู้ไป 300 กว่าล้านบาท ซึ่งอาจทำให้แม่ต้องสำรองหนี้เต็มจำนวน และถ้าดูจากความรับผิดที่จะมีการพิจารณากันในวันนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ต้องหยุดพักการซื้อขายหุ้นออกไปก่อน และขอชมเชยการกระทำที่เด็ดเดี่ยวของ “เจ๊ตุ๊” ในการรักษาผลประโยชน์ของแมงเม่าได้ทันท่วงทีนะคะ

*พร้อมกันนั้น “โมนิก้า” ขอชี้แจงให้ทราบกันโดยทั่วไปว่า แนวทางการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เขาเอาแค่ 16% ของคนที่ถือหุ้นหลวงพี่แจ๊ส หรือคิดง่ายๆ ก็คือ แมงเม่าตัวเขียวถือหุ้น 100 หุ้น เขาจะซื้อคืนแค่ 16 หุ้น ส่วนแมงเม่าตัวแดงถือหุ้น 1,000 หุ้น เขาจะซื้อหุ้นแค่ 160 หุ้น วันนี้ถึงต้องคิดเผื่อในส่วนที่ตัวเองยังถือหุ้นไว้ด้วย และหวังว่า ทุกคนคงจะคำนึงถึงประเด็นนี้ด้วยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ ADVANC วันนี้กลายเป็นดาวเด่นเจิดจรัสบนกระดาน most active ล้วนมาจากความชัดเจนในหลายเรื่องด้วยกัน และหนึ่งในตัวเล้าโลมอารมณ์ของนักเล่นได้ดีสุดก็เป็นเรื่องเปิดประมูล 4G รอบใหม่ ซึ่งแฟนคลับจากทั่วสารทิศมองว่า รายนี้มีสิทธิ์คว้าชิ้นปลามันไปกิน หุ้นถึงเด้งขึ้นมาปิดที่ 190 บาท บวกไป 13 บาท หรือขึ้นไป 7.30% ด้วยมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 16% ของมูลค่าการซื้อขายรวม 6.20 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนถึงเชื่อลึกๆ ว่า วันนี้จะซัดกันต่อนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ DTAC พอทุกอย่างสบช่อง และเป็นใจให้เล่นกันอย่างเต็มที่ พี่ท่านเลยเดินเกมสายโหดด้วยการร้องขอให้ กสทช. ตัดสิทธิ์ในการเข้าประมูล 4G รอบใหม่ของ TRUEไปเลยแบบนี้ คุณพี่เล่นหนักเกินไปหรือเปล่า? เพราะในข้อกำหนดเขาเปิดโอกาสให้เข้าประมูลได้อีกรอบ ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานก็ลั้ลลาสุดๆ พร้อมกับกระชากขึ้นมาปิดที่ 47.50 บาท บวกไป 5.25 บาท  หรือขึ้นไป 12.40% ด้วยมูลค่า 6 พันล้านบาท “โมนิก้า” เม้าท์ได้แค่ว่า มันเป็นเกมปั่นกระแสของนักลงทุนสถาบันมากกว่านะคะ

*อีกหนึ่งรายที่ต้องเม้าท์ถึงเป็นการทิ้งทวนหุ้นสื่อสาร “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงเจ้าพ่อสื่อสารคนใหม่อย่าง TRUE โดยเกจิอาจารย์ดังฟันธงกันอย่างพร้อมเพรียงว่า กำลังเป็นผู้ท้าชิงที่น่าเกรงขามสุดๆ และประเด็นตรงนี้ก็ทำให้กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน DIF กระชากขึ้นมาปิดที่ 14.50 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้ามาในตลาดหุ้น แถมเป็นการยกตัวสูงขึ้นทุกปี..มันธรรมดาซะที่ไหนล่ะค่ะ

*ส่วนหุ้นนอกกระแสที่มาแรงแซงทางโค้งอย่าง RML ถือเป็นช็อตเด็ดสำหรับเก็งกำไรอย่างแท้จริง เพราะเหตุผลของการขึ้นเที่ยวนี้ไม่รู้ว่า คืออะไร? แถมภาพใหญ่ของหุ้นก็ยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวออกด้านข้าง บวกกับก่อนหน้านี้ก็ติดกรอบแนวต้าน 1.30-1.40 บาท ขณะที่วานนี้เด้งขึ้นมาปิดที่ 1.26 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 10.50% มันเป็นเกมที่ชี้เป็นชี้ตายเหมือนกันเจ้าค่ะ

*ประเด็นข้างต้นเหมือนกับ STA  ที่วันนี้ทะยานขึ้นมาปิดที่ 11.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่า 160 ล้านบาท “โมนิก้า” มองแป๊บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า ดันราคารอบใหม่ โดยใช้เหตุผลเรื่องบุ๊ค 16.60 บาทเป็นตัวเดินเกม ผสมผสานกับแนวความคิดเทรดหุ้นบนค่า P/E 13 เท่า ย่อมบิ้วด์อารมณ์นักเล่นได้ ส.บ.ม.ย.ห. แต่ขอเตือนไว้อย่างหนึ่งว่า รอบก่อนก็จอดแถว 12 บาท ก่อนจะไปตั้งต้นใหม่แถว 10 บาทนะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ CHO  กระชากขึ้นมาปิดที่ 2.08 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 5% “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักเล่นเริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า สุดท้ายโปรเจ็กต์รถรางเดินเบาที่ จ.ขอนแก่น ควรให้คนไทยเป็นคนทำ! และคนที่มีภาษีดีสุดในเที่ยวนี้ ก็คงหนีไม่พ้นบริษัทของ “เสี่ยจิง”  เพราะเขาเป็นคนผลักดันเรื่องนี้มานานหลายปี จึงไม่แปลกที่คนไทยจะได้ใช้ของไทยทำเอง..เดี๊ยนจึงขอสนับสนุนแนวคิด made in Thailand..อิอิอิ