ฟางเส้นสุดท้าย… แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่า เพียงแค่การจากไปของดาวเด่นที่ไม่ใช่นักแสดงหรือ นักร้องชื่อดัง แต่เป็นแค่ “คนเล่าข่าว”ชั้นดีอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา เพียงคนเดียว ก็ทำให้ป้อมค่ายของ บริษัทผู้นำทางด้านโทรทัศน์มายาวนานหลายปี อย่างบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ต้องมีอันซวดเซทางรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่า เพียงแค่การจากไปของดาวเด่นที่ไม่ใช่นักแสดงหรือ นักร้องชื่อดัง แต่เป็นแค่ “คนเล่าข่าว”ชั้นดีอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา เพียงคนเดียว ก็ทำให้ป้อมค่ายของ บริษัทผู้นำทางด้านโทรทัศน์มายาวนานหลายปี อย่างบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ต้องมีอันซวดเซทางรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ถือเป็นการเปิด “ส้นเท้าอาคีลลีส” ที่ลึกซึ้งยิ่งนัก และเข้าใจได้ชัดเจนว่า เหตุใด การโจมตีสรยุทธของสื่อโทรทัศน์คู่แข่งด้วยข้ออ้างทางด้าน “คุณธรรม” จะรุนแรงและเข้มข้น
การจากไปของแม่เหล็กชั้นดีในการ “เล่าข่าว” ของสรยุทธ ทำให้มีการเผยตัวเลขออกมาแล้วว่า ส่งผลต่ออันดับเรตติ้งของช่องโทรทัศน์อย่างชัดเจน …ยิ่งกว่าเทวดาตกสวรรค์เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่ BEC มีรายได้และกำไรลดลง เราได้เห็นผู้บริหารของบริษัทออกมาให้ข้อมูลว่า มีปัจจัยจากภาพรวมของธุรกิจโฆษณา สภาพของเศรษฐกิจโดยรวม และ และการแข่งขันสูง แต่ก็ให้ความมั่นใจอีกว่า แม้รายได้ปรับลด แต่น้อยกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมแน่นอน
มาปีนี้ที่ปัจจัยในการถดถอยของรายได้และกำไรของ BEC น่าจะมาจากปัจจัยใหม่ นั่นคือ…สรยุทธ เอฟเฟกต์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ขณะนี้เรตติ้งที่ปรับลดลงของโทรทัศน์ช่อง 3 (ดูตารางประกอบ) จากการหยุดดำเนินรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และงบลงทุนที่สูงในสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง ทำให้จำต้องมีการประเมินมูลค่าราคาหุ้นในอนาคตของ BEC เสียใหม่ในทางลบจากปัจจุบัน
เหตุผลก็คือ รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ที่ฮิตติดลบบนและมีสรยุทธ สุทัศนะจินดาเป็นตัวชูโรงมายาวนานหลายปี ทำรายได้คิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างสูง กล่าวคือ คิดเป็น 20% ของรายได้รวมของ BEC ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรายการข่าว
แม้ว่ารายการที่ว่า จะประเดิมถูกบันทึกเรตติ้งที่ลดลงเล็กน้อยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่การหายหน้าไปของตัวชูโรงอย่างสรยุทธกะทันหันจากคำสั่งสาลชั้นต้นในคดีความในอดีต ทำให้เรตติ้งล่าสุดของช่อง 3 เฉพาะส่วนข่าว ถูกปรับลดลงเป็น 1.5 จากเดิมอยู่ที่ 2.1-2.2
ผลลัพธ์ในท้ายสุดคือ เรตติ้งรวมช่อง BEC TV ลดลงเป็น 2.5 นับแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ ถูกช่องนำทิ้งห่างไปมาก แม้ว่าจะยังคงยึดกลุ่มผู้ชมเป้าหมายในกรุงเทพฯและปริมณฑลได้มากกว่าใครเหมือนเดิม…แต่ไม่มากเท่าเดิมอีก
นักวิเคราะห์ประเมินอีกว่า ขาลงของช่อง 3 นั้น แม้ว่าจะมีลักษณะซึมลงยาว มาตั้งแต่การเปลี่ยนระบบออกอากาศเข้าสู่ดิจิตอลปี 2557 เพราะการแข่งขันที่มากช่อง ทำให้สัดส่วนทางการตลาดของ BEC อยู่ในทิศทางที่ปรับลดลงตลอด ต้นทุนการดำเนินงานช่องดิจิตอลทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ 3HD, 3SD, 3Family มีเพียงช่อง 3HD ที่ทำกำไร ขณะที่อีกสองช่องคือ 3SD และ 3Fammily บันทึกขาดทุนในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา
ขาลงดังกล่าวชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเกิด “ฟางเส้นสุดท้าย” จากกรณีการฟ้องร้องผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ทำให้ค่าใช้จ่ายโฆษณารวมเดือนกุมภาพันธ์ลดลงประมาณ 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน แล้วหากนับตั้งแต่ต้นปี จะลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับบีก่อน
คำแนะนำของนักวิเคราะห์ต่อ BEC ที่มีเรตติ้งตกต่ำลงคือ “ขาย” โดยที่ราคาเป้าหมาย 26 บาท ลดลงจากเดิมกำหนดไว้ 30 บาท…อันเป็นราคาตลาดในปัจจุบันนั่นเอง
เส้นทางขาลงของ BEC คงจะทำให้ “กองแช่ง”ทั้งหลาย สะใจไม่น้อย
น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา…อิ อิ อิ…