ลูกไม้หล่นใต้ต้น แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม เข้ามานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP แทนบิดาอย่าง ประทีป ทีปกรสุขเกษม ที่รับผิดชอบพากิจการฝ่าฟันในช่วงยากลำบากจนได้เวลาปล่อยมือให้ทายาท
อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม เข้ามานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP แทนบิดาอย่าง ประทีป ทีปกรสุขเกษม ที่รับผิดชอบพากิจการฝ่าฟันในช่วงยากลำบากจนได้เวลาปล่อยมือให้ทายาท
การเข้ารับตำแหน่งบริหารงานในช่วงเวลาที่กิจการฟื้นคืนกลับมาสู่ความแข็งแรง หลังจากที่ประสบปัญหากาเงินผ่านไปแล้ว ไม่ต้องปรับโครงสร้างหนี้ หรือ ไม่ต้องเจอภาวะหุ้นตกรุนแรง ทำให้ใครก็ปรามาสไว้ก่อนว่า คงสบายดี
นั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะ CCP ที่กำลังย่างเข้าสู่ช่วงของหัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ ต้องการสร้างผลตอบแทนจากรายได้ใหม่ที่เรียกร้องให้ต้องมีอัตรากำไรเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เติบโตเชิงปริมาณอย่างเดียว ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจไทยที่มีปัญหาการขยายงานภาครัฐล่าช้า
ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ใช่งานที่ง่ายนักสำหรับผู้บริหารที่มีลักษณะ “เสี่ยที่พยายามใส่รองเท้าเตี่ย” เพราะต้องผ่านความยากลำบากพอสมควร
ผลประกอบการของ CCP นับแต่อาทิตย์เข้ามารับตำแหน่ง มีการเติบโตของรายได้ที่ทรงตัว และมีกำไรต่อเนื่อง ทำให้ไม่ต้องย้อนกลับไปเผชิญปัญหาตัวเลขขาดทุนสะสมแบบในอดีต เนื่องจาก CCP ได้กลายเป็นบริษัทปลอดหนี้…มีหนี้สินน้อยกว่าส่วนผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด
ปัญหาอยู่ที่ว่า ยอดขายที่ทรงตัว ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลต่อการทำกำไรของCCP อย่างมีนัยสำคัญ เพราะสงครามราคาที่เลี่ยงไม่พ้น
กำไรของ CCP ได้ถดถอยลงใน 2 ปี หลังจากปีที่ทำกำไรสูงสุดคือ ปี 2556 ที่กำไรสุทธิมากถึง 392.84 ล้านบาท(บางส่วนเป็นกำไรพิเศษ) แต่ถึงสิ้นปี 2557 ลดลงเหลือ 155.24 ล้านบาท และปีล่าสุด 2558 เหลือแค่ 53.66 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเพียงแค่ 0.02 หุ้นเท่านั้น
กำไรต่อหุ้นที่ลดฮวบฮาบ เกิดจากมีจำนวนหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการแตกพาร์ จาก 1 หุ้นเป็น 4 หุ้น เมื่อต้นปี 2558 นั่นเอง
การแตกพาร์ดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะทางกรรมการของ CCP เห็นว่าเมื่อสิ้นปี 2557 ราคาหุ้นที่ระดับ 4.50 บาท มีค่าพี/อี ของหุ้นCCP แค่ 8.27 เท่า ต่ำกว่าพื้นฐานมากเกิน จึงต้องการทำให้หุ้นมีสภาพคล่องและทำให้ราคาหุ้นกลับมาที่ระดับสมเหตุสมผล …วิศวกรรมการเงินจึงเกิดขึ้นมา โดยวาดฝันว่า ราคาหุ้นหลังแตกพาร์ควรจะวิ่งขึ้นไปที่ใกล้ระดับ 2.00 บาท…วิน-วินทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับผู้ถือหุ้นที่ภักดีต่อ CCP
บังเอิญ..โชคร้ายไปหน่อย เพราะในชีวิตจริง มันต่างจากฝัน…จังหวะของการแตกพาร์เป็นจังหวะพร้อมกับกันที่กำไรของ CCP ถดถอยพอดี ผลลัพธ์คือ นอกจากกลยุทธ์แตกพาร์จะไม่ดันราคาหุ้นแล้ว ยังทำให้ค่าพี/อีของหุ้นสูงเกินจริง โดยสิ้นปี 2558 พี/อีทะลุพุ่งไปมากถึง 38 เท่า
แม้ค่าพี/อีจะสูงขนาดนั้น แต่ราคาหุ้นก็ร่วงลงมาใต้ 1.00 บาทจนถึงล่าสุด(ดูกราฟประกอบ)จนล่าสุดวานนี้นอนนิ่งที่ฐาน 0.79 บาท…กลายเป็น loss-loss อย่างช่วยไม่ได้…เข้าข่ายเจตนาดี ประสงค์ร้ายเสียฉิบ
แม้จะอยู่ที่ช่วงยากลำบาก อาทิตย์ ก็แสดงบทบาทผู้นำองค์กรในลักษณะ “ลูกไม้หล่นใต้ต้น”ตามรอยนักสู้อย่างประทีป อย่างถึงที่สุด
ในช่วงยากลำบาก อาทิตย์ออกมายอมรับโดยไม่อ้อมค้อมในช่วงกลางปี 2558 ว่า กำไรสุทธิอาจจะต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาจำนวนมาก แต่ไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ที่อาจจะไม่ดีในปีนี้ ทำให้งานส่วนใหญ่ที่บริษัทรับมานั้นมีอัตรากำไรที่ไม่ดีนัก และการรับงานเข้ามามากทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเต็มจนไม่สามารถรับงานใหม่ๆ เข้ามาได้ รวมทั้ง อุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดใหญ่ภาคเอกชนชะลอตัวต่อเนื่อง เพราะภาวะเศรษฐกิจซบเซา…แบบจะว่าผิด ก็ยอมรับ
แม้ว่าจะกำไรถดถอย แต่การลงทุนเพื่ออนาคตยังคงเดินหน้า อาทิตย์ยืนยันยามนั้นว่า CCP ยังคงเดินหน้าเจรจาร่วมลงทุนกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อผลิตสินค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสินค้าของบริษัท มีมูลค่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวประมาณ 200-300 ล้านบาท รวมทั้งเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศเมียนมาและ สปป.ลาว เพื่อจะส่งสินค้าไปขายยังประเทศดังกล่าว
ปีนี้ อาทิตย์ กลับมาอีกครั้ง แถลงด้วยความมั่นใจ(ชนิดไม่ได้คุยโม้) ว่างบลงทุนในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 150 ล้านบาท เพื่อลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต ออกสินค้าใหม่ และคาดว่า รายได้จะพุ่งเป็น 2,600 ล้านบาทเพราะมีแบ็กล็อกในมือ 2,485 ล้านบาท (รวมทั้งงานโครงการมอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด 2 สัญญา)โดยคาดว่าจะบุ๊ครายได้ปีนี้ 60% พร้อมกับเล็งประมูลงานใหม่กว่า 3,000 ล้านบาท แถมยังจะหาทางปรับเพิ่มราคาขาย หวังดันอัตรากำไรสุทธิกลับสู่ระดับปกติ 5%…หลังจากที่ปีก่อนลดลงไปต่ำติดพื้นแค่ 2.22%
พูดอย่างนี้ คิดถึงประทีป ทีปกรสุขเกษมทันที สำหรับแฟนคลับขาประจำของ CCP…คนเมืองชล ตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อม…กำไรบอกกำไร ขาดทุนก็บอกขาดทุน ไม่ต้องโยกโย้
อย่างนี้ ผู้บุกเบิกมาตั้งแต่ต้น ยิ้มได้สบายใจ ที่มีทายาทเหมือนโคลนนิ่งกันมาเลย…ไม่รู้ใครหล่อกว่ากัน
เป็นอย่างนี้ ใครที่ยังไม่ได้เข้าซื้อ CCP คงต้องทบทวนกันใหม่…ชักหวั่นว่าจะซ้ำรอยเมื่อ 4 ปีก่อนที่ตอนั้น ราคาหุ้นแค่ 0.70 บาทเท่านี้แหละ ก่อนที่ต่อมาจะทะยานขึ้นไปเป็น 10 บาทในอีก 1 ปีถัดมา..ลือลั่นกันไปทั่วเมือง…เพราะซื้อหุ้นตอนแพงน่ะสิ…ถามได้ !!!