รักมาก จนร้อน(เกิน)แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
สำหรับคนในแวดวงพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเข้าระดมทุนในฐานะบริษัทมหาชนจดทะเบียนของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI คือการติดปีกโบยบินให้ก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างน่าสนใจ
สำหรับคนในแวดวงพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเข้าระดมทุนในฐานะบริษัทมหาชนจดทะเบียนของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI คือการติดปีกโบยบินให้ก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างน่าสนใจ
การวางตำแหน่งจุดขายของโครงการคอนโดมิเนียมที่ตลาดล่าง ราคาหน่วยละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แต่มีบริการเสริมที่เต็มไปด้วยรายละเอียดในลักษณะ “พระเจ้าอยู่ในรายละเอียด” ที่ คุณโด่ง พีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอ และทีมงาน นำเสนอนั้น ไม่ธรรมดา เพราะสามารถทำให้อัตรากำไรสุทธิของ ORI โดดเด่นไม่แพ้รายใหญ่ๆ ถึงขนาดสูงถึงระดับ 18%
เรียกว่าทำกำไรแบบวิน–วิน ทั้งผู้ซื้อ ซัพพลายเออร์ และ บริษัท…แน่ละ รวมถึงผู้ถือหุ้นของ ORI ด้วย
จิ๋วแต่แจ๋วอย่างนี้ ราคาหุ้น ORI ที่เข้าตลาดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จึงทำท่าร้อนแรงมากเป็นพิเศษ เพราะปรากฏการณ์ของ “ขาใหญ่” 2 ราย อย่าง นายนเรศ งามอภิชน และ เสี่ยปู่ นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล โผล่มาเข้าซื้อหุ้นรายนี้ด้วย
ไม่ซื้อธรรมดา แต่ซื้อมาก จนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ระดับ 1-20 อันดับแรกไปเลย ทั้งซื้อบางส่วนจาก IPO และซื้อในกระดานยามที่ราคาหุ้นโรยตัว
แล้ว…ไม่ต้องสงสัย สาวก (นิรนาม) ของคนทั้งคู่ ก็คงจะต้องโหนกระแสเข้าถือหุ้น ORI อย่างไม่ยอมตกขบวน
ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นราคาหุ้นตอนขาย IPO ที่ระดับ 9.00 บาท ก็ทะยานมาค้างเติ่งเหนือ 12 บาทจนถึงทุกวันนี้ ไม่ยอมลง
ระยะหลัง นอกจากหุ้นจะไม่ยอมลงแล้ว ยังมีปัญหาตามมาว่า..ไม่ยอมขึ้นอีกด้วย…แถมวอลุ่มซื้อขายหดหายไปเยอะ…เข้าข่ายตลาดวายเอาดื้อๆ ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ข้อเท็จจริงที่คุณโด่ง ในฐานะผู้ก่อตั้งถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหาร ตรวจสอบพบแล้ว ไม่สบายใจเลย แต่พูดไม่ออก….สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ เมื่อดูรายชื่อผู้ถือหุ้นระดับหัวแถวแล้ว นอกจากตระกูลจรูญเอกที่ถือหุ้นใหญ่รวมกัน 70% ในชื่อต่างกันแล้ว ปรากฏว่าสภาพคล่องของหุ้น ORI เหลืออยู่ไม่ถึง 8% ให้ซื้อขายกันประจำวันในตลาด
ส่วนที่ 2 “ขาใหญ่” ถือไว้รวมในกำมือเสี่ยปู่ และ เสี่ยนเรศ รวมกันแล้วเกินกว่า 22% …แถมยังถือชนิด “กอดไม่มีปล่อย” ตามประสาวีไอกันเลยทีเดียว ไม่มีระบายขายออกมาสักบอร์ดล็อต
หากนับรายชื่อคนที่ถือหุ้นระดับหัวแถว (ไม่นับจำนวนหุ้นที่ถือ) จะพบว่า คนในตระกูล ชลคดีดำรงกุล จะมีหางว่าวยาวกว่าคนในตระกูลจรูญเอกเสียด้วยซ้ำ ตามสไตล์ “ปั้นลูกเป็นเซียนหุ้น” ของเสี่ยปู่…รักมากกกกกก
แล้วหากลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ก็อนุมานด้วยว่า บางส่วนของ 8% นั้น มีสาวกของคนทั้งคู่รวมอยู่ด้วยแน่นอน….เอาเข้าจริง หุ้นที่หมุนเวียนในตลาดยามนี้ น่าจะไม่เกิน 5% ด้วยซ้ำ
เจอความรัก “ติดหนึบเป็นกาวตราช้าง” ของ 2 เสี่ยใหญ่แบบนี้…มันน่าอึดอัดพอสมควร
เหตุผลของการกอดหุ้น ORI แน่นของ 2 เสี่ย เข้าใจได้ เพราะ พีระพงศ์เองก็เพิ่งแถลงแผนธุรกิจนี้ด้วยความเชื่อมั่นว่า แนวโน้มปีนี้ บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตที่ระดับ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,055.08 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตเป็นไปทิศทางเดียวกันกับรายได้ โดยปีนี้จะทำสถิติสนิวไฮจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 386.32 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท คาดโกยยอดขายปีนี้พุ่ง 7,500 ล้านบาท
ตัวเลขอย่างนี้ …แถมมีโครงการบ้านประชารัฐรอบ 2 มาเสริมอีก…ใครๆ ก็มีสิทธิฝันถึงกำไรในอนาคต…นอนกอดหุ้นแห่งอนาคต ย่อมดีกว่าไปทำงานแบบผู้ประกอบการ…เงินเย็นซะอย่าง
หุ้น ORI ที่ไม่มีสภาพคล่อง ซื้อขายกันเปาะแปะอย่างตอนนี้ ย่อมยากจะไปไหนได้ไกล…ขืนปล่อยไปอย่างนี้นานๆ มีโอกาสที่หุ้น ORI ที่เคยโดดเด่นเป็นขวัญใจนักลงทุนเมื่อแรกเข้ามาใหม่ๆ จะกลายเป็นหุ้นเครือสหพัฒน์ไป…นั่นนะ “ผีโลงเย็น” เชียวล่ะ
ทางออกมีหลายทาง …แต่โดนด่ามากกว่าได้รับคำชม
หากคนในตระกูลจรูญเอก ขายหุ้นส่วนที่เกินติดไซเลนต์พีเรียด ออกมาในตลาด ..ก็จะถูกหาว่า ทิ้งกิจการ…หุ้นร่วง ไม่ดีแน่
ครั้นจะเลือกให้ ORI เพิ่มสภาพคล่องหุ้นในตลาดด้วยการ “แตกพาร์” จากเดิม .0.50 บาท มาเป็น 0.10 บาท แบบที่เคยทำเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งถูกตั้งคำถามมากมาย…ก็หวั่นจะมีเรื่องให้ถูกวิจารณ์แรงๆ
เหลือทางเลือกสุดท้าย ….ไม่โดนด่าแน่นอน แต่คงต้องถามใจเสี่ยนเรศ และเสี่ยปู่…ว่าจะช่วยร้องเพลง “จะรักน้อยๆ แต่รักนานๆ”..ได้หรือไม่..ช่วยกันระบายของออกมาเทรดพร้อมกับบรรดาสาวกบ้าง
เผื่อว่า หุ้น ORI จะไม่ชืดชาเป็นสาวงามไร้คนเมียงมอง….อย่างยามนี้…
Please, please release me…HELP!!!!