บัวคู่เหี่ยวแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ตอนที่บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE แต่งตัวเข้าตลาดและเริ่มต้นเทรดในตลาดเมื่อเดือนมกราคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาพลังงานเป็นขาขึ้นยาวนาน ใครก็เชื่อกันว่าบริษัททำน้ำมันปาล์มและไบโอดีเซลรายนี้ จะหนุนส่งให้บริษัทแม่อย่าง บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI ที่ทำธุรกิจผลิตลูกถ้วยไฟฟ้าโดดเด่นยิ่งขึ้น
ตอนที่บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE แต่งตัวเข้าตลาดและเริ่มต้นเทรดในตลาดเมื่อเดือนมกราคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาพลังงานเป็นขาขึ้นยาวนาน ใครก็เชื่อกันว่าบริษัททำน้ำมันปาล์มและไบโอดีเซลรายนี้ จะหนุนส่งให้บริษัทแม่อย่าง บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI ที่ทำธุรกิจผลิตลูกถ้วยไฟฟ้าโดดเด่นยิ่งขึ้น
เสียงเชียร์แขกกระหึ่มก้องว่าจากนี้ไป AI มีรายได้จาก “วัวที่ให้น้ำนมทองคำ” (cash cow) ในธุรกิจไบโอดีเซลอย่าง AIE เป็นสำคัญ เพราะธุรกิจดั้งเดิมจะลดสัดส่วนในการสร้างรายได้ลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงมีส่วนดันราคาหุ้น AI ล่วงหน้ากระฉูดนับแต่วันเริ่งจองหุ้นลูกอย่าง AIE เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องพากันมั่นใจมาก ตั้งราคาหุ้นจองของ AIE สูงถึง 4.70 บาท
ขณะที่ AI ก็เริ่มให้ข่าวว่าจะมีกำไรพิเศษจากการที่ AIE เข้าตลาดจำนวนมาก เพราะผลพวงของยุทธศาสตร์ “เดินสองขา” ยิ่งทำให้ราคาหุ้นทะยานไกล
แล้วนักลงทุนที่ฝันหวานกับ “วิมานเมฆ” ก็ตกสวรรค์กะทันหัน ด้วยเหตุ 3 ประการ คือ 1) ก.ล.ต.ทักท้วงว่าไม่ถูกต้องในการบันทึกบัญชี เพราะ AI ไม่มีกำไรจากการระดมทุนของ AIE เนื่องจากไม่ได้ขายหุ้นเก่าร่วมกับ IPO แต่จะมีกำไรเพื่อรับปันผลเป็นหลัก เพียงแต่อาจจะทำให้บุ๊คแวลลูของ AI เพิ่มขึ้นเพราะขนาดของ AIE ใหญ่กว่าแม่มาก 2) ราคาหุ้นเข้าเทรดวันแรกของ AIE หลุดจองตั้งแต่เปิดตลาด และไม่เคยพ้นจองอีกหลายเดือนต่อมา เนื่องจากผลประกอบการต่ำกว่าที่เคยเขียนในหนังสือชี้ชวน 3) AIE ไม่มีการจ่ายปันผลสำหรับงวดสิ้นปี 2556 ตามที่คาดเอาไว้ด้วยข้ออ้างบางประการ
หลังจากวันเข้าเทรดวันแรกของ AIE เป็นต้นมา ชะตากรรมของแม่ลูกทั้งคู่ เกิดปรากฏการณ์ “สาละวันเตี้ยลง” ต่อเนื่อง นับแต่ครึ่งหลังปี 2557 เป็นต้นมา พลาดเป้าแผนธุรกิจตลอดมา….เป็นม้าตีนต้นที่บ้อลัด
ส่วนราคาหุ้น แม้ว่าบางช่วงจะกลับมายืนหนือจองได้ แต่ก็มักจะร่วงลงไปอีกเสมอ จนนักลงทุนรายย่อยเข็ดขยาด แม้จะมีความพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยวิศวกรรมการเงิน เช่น แตกพาร์-แจกวอร์แรนต์ ก็ได้ผลชั่วคราว
ท้ายสุด ข่าวร้ายชนิดยากจะแก้ไขได้ง่าย เกิดขึ้นในต้นปี 2558 เมื่องบการเงินของ AIE สิ้นงวดปี 2557 เกิดปรากฏการณ์ “ผู้ตรวจบัญชีเป็นพิษ” กะทันหัน
ผลลัพธ์คือ งบการเงินของทั้งแม่ลูกอย่าง AI-AIE ถูกก.ล.ต. สั่งการให้แก้ไขใหม่ เนื่องจากมีข้อความของผู้สอบบัญชีระบุในการ “ไม่แสดงความเห็น” ในหมายเหตุประกอบงบว่า….ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดขอบเขตการตรวจสอบโดยผู้บริหารของบริษัทจากปัญหาระบบการควบคุมภายในด้านต้นทุนขายและสินค้าคงคลังไม่มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ
จากวันนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็สั่งแขวนป้ายห้ามซื้อขาย SP หุ้นของทั้งคู่มาจนกระทั่งถึงปัจจุบันเนื่องจากไม่สามารถแก้ไขงบการเงินที่ได้รับการรับรองจากผู้สอบบัญชีอย่างโปร่งใสได้
เหตุปัจจัยของปัญหา “ผู้สอบบัญชีเป็นพิษ” ดังกล่าว ได้ถูกเปิดเผยเป็นการลับภายใน (ชนิดปิดกันให้แซ่ดทั่วเมือง) ว่า เกิดจากความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารบริษัทกับผู้สอบบัญชีเจ้าเดิมในประเด็นการบันทึกบัญชีน้ำมันปาล์มดิบในสต๊อก ระหว่างโรงงานเดิมที่หมดอายุส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว (สิทธิพิเศษทางภาษีหมดอายุ) กับ โรงงานใหม่ที่ยังมีใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุน (ได้สิทธิพิเศษทางภาษี) จนถึงขั้นที่ผู้บริหารคิดจะเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีใหม่…. การแตกหักจึงเกิดขึ้น
ผลลงเอยด้วยการที่ผู้สอบบัญชีคนเดิมไม่แสดงความเห็น ก็คือการไม่รับรองงบนั่นเอง
ซึ่งว่าไปแล้ว ดีกว่าผู้สอบบัญชีบอกว่า “งบไม่ถูกต้อง” นิดเดียวเท่านั้น
ร้ายกว่านั้น ผู้สอบบัญชีคนใหม่ก็ไม่กล้าเข้าไปรับงานตรวจสอบบัญชีทั้งสองบริษัทอีก…ไมมีใครที่ไหนอยาก “ล้างกระโถน” นะจ๊ะ …. เข้าใจให้ตรงกันด้วย
บัวตูม-บัวบานที่เคยถูกฝูงผึ้งและภมรรุมหมายปอง จึงกลายเป็นดอกบัวเหี่ยวๆ นอกแจกันที่ถูกทิ้งไว้ริมทาง อย่างไร้ค่า
เหยื่อของสถานการณ์ที่ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยแต่ต้องร่วมทุกข์อย่างเลี่ยงไม่พ้นจึงเป็นนักลงทุนที่ไม่สามารถจะซื้อขายหุ้นได้อีกต่อไปนานนับปี
มีแต่ข่าวที่ทำให้นักลงทุนยังระลึกได้ว่า AI และ AIE ยังเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ ได้แก่ข่าวคำย้ำเตือนของตลาด เร่งให้ทั้งสองบริษัททำการส่งงบการเงินตามกำหนดเส้นตาย ก่อนที่จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดฯ ปีละหลายครั้ง
ล่าสุดงบปี 2558 ของ AI และ AIE ก็ได้ทำการส่งให้ตลาดเรียบร้อยจนได้ แต่… ยังมีแต่เหมือนเดิม… เพราะว่า ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ
พูดจาภาษาบ้านๆ คือ ไม่รับรองงบ….. เหมียนเดิมจ้าาาาาา
แล้วก็เป็นเรื่องปกติที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP เพื่อห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ AI และ AIE ต่อไปอีก ตั้งแต่เช้าของวันที่ 30 มีนาคม 2559 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง พร้อมนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะคงเครื่องหมาย “NC” และ “NP” หลักทรัพย์ของ AI และ AIE ตั้งแต่การซื้อขายวันที่ 31 มีนาคม 2559 เพราะส่งงบการเงินประจำปี 2557 ที่ ก.ล.ต.สั่งแก้ไข ล่าช้าเกินกว่า 180 วัน รวมทั้งไม่สามารถนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ภายในระยะเวลาที่กำหนด จนกว่า AI และ AIE จะนำ ส่งงบการเงินฉบับแก้ไขหรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าไม่ต้องแก้ไขงบการเงิน…. จบข่าวไม่ลง
งานนี้ 2 พี่น้อง ณรงค์-อนุรักษ์ ธารีรัตนาวิบูลย์ จะเดินหน้าต่อหรือถอยหลังอย่างไร ….. ให้หนักใจแทนเหลือเกิน คนเคยเห็นหน้ากันมานานหลายปี
วิบากกรรมเพราะ “ผู้สอบบัญชีเป็นพิษ” จะยังคงหลอกหลอนสองพี่น้องผู้บริหารของ AI และ AIE อีกนานแค่ไหน บอกคำเดียวว่า……ยาาาาาากกกกกสสสสสสสสส
ส่วนนักลงทุนระดับแมงเม่า ที่เสียค่าโง่ไปมากแล้ว คงต้องทำใจ….และพึ่งพระศรีอารยเมตไตรยให้มาโปรด