จากสงกรานต์ทายท้าวิชามาร
ควันหลงสงกรานต์มีข่าวที่คนวิจารณ์อื้ออึง ตำรวจเชียงใหม่จับฝรั่งถอดเสื้อปรับ 100 บาท ข้อหากระทำการอันน่าขายหน้าต่อธารกำนัล ทั้งที่ฝรั่งไทยถอดเสื้อเล่นสงกรานต์ถมไป
ใบตองแห้ง
ควันหลงสงกรานต์มีข่าวที่คนวิจารณ์อื้ออึง ตำรวจเชียงใหม่จับฝรั่งถอดเสื้อปรับ 100 บาท ข้อหากระทำการอันน่าขายหน้าต่อธารกำนัล ทั้งที่ฝรั่งไทยถอดเสื้อเล่นสงกรานต์ถมไป
ถามไปถามมา ปรากฏว่าฝรั่งนายนั้นดันถอดเสื้อกลางพิธีเปิดงานประตูท่าแพ ที่มีผู้หลักผู้ใหญ่เพียบ ทั้งท่านรัฐมนตรีท่องเที่ยว ท่านผู้ว่าฯ รมต.กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร บอกว่าตำรวจทำถูกแล้ว เพราะปีนี้เชียงใหม่เน้นสงกรานต์วิถีไทย
แต่นักอนุรักษ์วัฒนธรรมแย้งว่าคนไทยถอดเสื้อแต่โบราณนะครับ ในขบวนแห่แสดงวัฒนธรรมประเพณียังมีผู้ชายถอดเสื้ออยู่เลย
ก่อนหน้านี้ ตำรวจเชียงใหม่ก็ถูกวิจารณ์เรื่องทำป้าย “ง่วงไม่ขับ” แต่กลับเป็นภาพท่านผู้บัญชาการภาค นั่งให้ตำรวจหญิงแต่งชุดไทยพับเพียบรดน้ำ ตำรวจยอมถอดป้าย แต่ไม่วายประกาศว่าใครวิจารณ์เสียหาย จะโดนเอาผิดทั้งอาญาและ พ.ร.บ.คอมพ์
ที่กรุงเทพฯ ตำรวจนครบาลจับคนโพสต์คลิปลวนลามที่ RCA ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปีที่แล้ว ผู้โพสต์บอกว่าอยากตักเตือนไม่ให้เมาจนเสื่อมเสีย แต่ตำรวจบอกว่าเป็นการโพสต์ภาพลามกอนาจารและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ทำให้ตำรวจเสียหาย เพราะปีนี้รัฐบาลกำชับว่าอย่าให้เกิดเหตุเสื่อมเสียเด็ดขาด
ใช่เลย การเอาคลิปปีที่แล้วมาโพสต์ปีนี้เป็น “ข้อมูลเท็จ” เพราะทำให้ตำรวจโดนด่าและโดนเด้งได้ต่างจากคนโพสต์คลิปฝรั่ง “เบิร์น” สาวบาร์ที่พัทยา ซึ่งช่วยให้ตำรวจจับได้ทันใด
นี่เป็นภาพสะท้อนการ “ใช้กฎหมาย” เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ที่รัฐบาลต้องการ ซึ่งดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเทียบทางการเมืองก็เหมือนห้าม “ขันแดง” ขณะที่มาตรการปราบ “เมาแล้วขับ” โดยเอาเข้าห้องดับจิต ซึ่งดูเหมือนสะใจพวกชอบ “ยาแรง” จริงๆ แล้วก็เป็นการละเมิดสิทธิ ลงโทษคนนอกกรอบกฎหมาย ไม่ต่างจากเอาคนเห็นต่างไปปรับทัศนคติ (ทั้งที่คนเห็นต่างไม่ได้ทำผิดกฎหมายอย่างคนเมาด้วยซ้ำ)
สังคมที่อยู่ด้วยการใช้อำนาจบังคับให้เห็นว่าอยู่ในวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม อยู่ในความสงบ ไม่มีใครกล้าขัดแย้ง จะลงเอยอย่างไร ถ้าไม่มีอำนาจบังคับ หรือต่อให้บังคับกันตลอดไปจะดีงามสงบสุขได้จริงไหม
เอาง่ายๆ แค่ “สงกรานต์ห้ามตาย” ปีนี้ สถิติอุบัติเหตุไม่ได้ลดลง ยอดคนตายพุ่งทะลุ มีคนใช้รถมากกว่าปีที่แล้วแต่หลบด่านตรวจไปเกิดอุบัติเหตุบนถนนสายรอง ขณะที่ “สงกรานต์วิถีไทย” ห้ามเต้น ห้ามเปิ๊ดสะก๊าด ห้ามรถกระบะ ก็ห้ามได้บางพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ พื้นที่โฆษณา จังหวัดส่วนใหญ่ห้ามไม่ได้ ที่ไหนห้าม เช่น ย่านดอนเมืองห้ามรถกระบะก็เงียบเหงาจนเซ็ง
นี่ไม่ใช่เพราะภัยแล้งหรอกนะ แต่เป็นทัศนะรัฐราชการจารีตนิยม ซึ่งคิดว่าการใช้อำนาจบังคับจับคนเข้าห้องดับจิตแก้เมาแล้วขับได้ ถ้าใครบอกละเมิดสิทธิ ก็จะอ้างว่าคนส่วนใหญ่พอใจ เป็นมาตรการปกป้องสังคม ไม่ต่างจากปราบมาเฟียโดยให้ทหารมีอำนาจตรวจค้นจับกุมไม่ต้องขอหมายศาล ที่ต่างชาติวิจารณ์
อำนาจแก้ปัญหาสังคมไทยไม่ได้หรอกครับ มีแต่ใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม สม่ำเสมอ เสมอภาค “ไม่มีเส้น” เจ้าหน้าที่ต้องไม่มีอำนาจใช้ดุลพินิจมากไป ขณะที่การมองสังคม วัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้ง ความหลากหลาย
น่าสงสัยจังว่า การใช้อำนาจแบบนี้ เมื่อเข้าสู่การทำประชามติแล้ว จะเกิดอะไร