จบแบบเดิม!โมนิก้าและทีมงาน

*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากจั่วหัวออกมาในทำนองนี้ แต่เผอิญเหตุการณ์เดิมๆ เวียนมาบรรจบอีกรอบ จึงไม่มีทางเลี่ยงไปพูดอย่างอื่น ผนวกกับประเด็นดังกล่าวก็เชื่อมโยงกับสิ่งที่อีเมี้ยนปากมากอย่างอีฉันได้เกริ่นนำไว้เมื่อวันก่อน จึงอยากกระตุกต่อมความคิดของนักลงทุนอีกสักรอบ หลังจากนั่งบวกลบคูณหารอย่างละเอียดแล้วพบว่า ไม่มีอะไรเสียหายน่ะสิ

*เนื่องจากสิ่งที่ย้ำเมื่อวันก่อนเป็นการเม้าท์ถึงการทดสอบแนวต้าน 1,420 จุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน และในที่สุดก็บอกให้รู้ว่า นี่เป็นจุดขายของกองทุนตัวแสบ ดัชนีถึงอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,414.96 จุด ลบไป 1.04 จุด ด้วยมูลค่า 4.60 หมื่นล้านบาท โดยที่กองทุนตัวแสบสาดหุ้นออกมาเพียวๆ 1 พันล้านบาท ขณะที่เหล่านักเล่นคนอื่นๆ ช่วยกันซื้อแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ก็ยังเอาไม่อยู่แบบนี้ มันหมายความว่าอะไรคะ

*งานนี้ถึงอย่าไปคิดอะไรให้รกสมอง เพราะเกมที่เล่นเที่ยวนี้มันเป็นจังหวะของการเข้าทำเร็วขนาดเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า หลายอย่างยังไม่เคลียร์! กลับไล่ราคากันอย่างดุเดือดเผ็ดมัน “โมนิก้า” ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนประเภทโลกสวย ส่วนคนที่ชอบความเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ มันเป็นจังหวะของการโหนกระแส ซึ่งอาจมีจุดจบไม่สวยหรูเหมือนกันทุกรายนะคะ

*หากคิดอะไรไม่ออก แถมบอกไม่ถูก “โมนิก้า” ขอให้ย้อนกลับไปดู ก.ล.ต. ลงแส้  “ชยานนท์ วีรยุทธโกศล” ในข้อหาปั่นหุ้นจอมขมังเวทย์ CHUO  ด้วยการปรับเงินเป็นจำนวนเงิน 14.64 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตอกย้ำเรื่องที่เดี๊ยนได้พร่ำพรรณนาก่อนหน้านี้ว่า เรื่องนี้ต้องมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง! และในที่สุดก็ถูกกระชากหน้ากากออกมาให้สังคมได้รับทราบกันอย่างถ้วนหน้าพะยะค่ะ

*ที่สำคัญคือ หุ้นตัวนี้เคยมีเรื่องราวไม่ชอบมาพากลเยอะแยะ หากจะเล่าให้ครบถ้วนกระบวนความก็กินเวลาไป 3 วัน 3 คืน “โมนิก้า” จึงขอสรุปแบบคัดย่อเพื่อให้ทุกคนเห็นไปในทางเดียวกันว่า “ข่าวหุ้น” ก็เป็นคนแฉเรื่องราวทั้งหมด จนเป็นเรื่องเป็นราวอยู่พักใหญ่ๆ และในที่สุดก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ทองแท้ย่อมเป็นทองแท้ พร้อมกันนี้ขอปรบมือดังๆ ให้กับหน่วยงานกำกับ หลังทำหน้าที่ได้อย่างประทับใจ..ส่วนเจ้ามือปั่นหุ้นรายนี้ คงมีเรื่องให้ตามเช็ดตามล้างกันอีกเยอะ เพราะได้ข่าวว่า นิยมหุ้นประเภท “เล็กสั้น ขยันซอย” ไม่ใช่เหรอ? (วันนหน้าจะขุดประวัติขึ้นมาเล่าให้ฟัง)นะคะ

*อีกหนึ่งดีลร้อนที่น่าสนใจสำหรับ “โมนิก้า” ในเที่ยวนี้กลายเป็น QTCควงแขน UACลุยโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 35 เมกะวัตต์ มันเป็นกิมมิคที่น่าสนใจสุดๆ เพราะมันหมายถึงทั้ง 2 บริษัทกำลังไปได้สวย เผลอๆ อาจถึงขั้นร่วมหอลงโรงเสียด้วยซ้ำไป..ก่อนจะไปถึงตรงนั้นขอย้อนกลับมาดูราคาหุ้นในกระดานที่วิ่งขึ้นมาปิด 7.95 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 446 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 3 วันราคาหุ้นขึ้น 62%แถมตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ยัดข้อหา Trading Alertแสดงว่า ยันต์หลวงพ่อ “สถิตย์” เหนียวจริงๆ…อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของ SUPERหากมองถึงคงวามตั้งใจในการทำธุรกิจ “โมนิก้า” ถือเป็นคนที่น่าชมเชยคนหนึ่ง แต่ถ้าดูจากพฤติกรรมของราคาหุ้น มันน่าจับมาตีก้นเสียให้เข็ดหลาบสักที เผอิญคนบางกลุ่มในแวดวงตลาดหุ้นเป็นประเภทถึงไหนถึงกัน จึงเอาข่าวใหม่ๆ มาบิ้วด์อารมณ์กันตลอดเวลา วานนี้ถึงเป็นอีกวันที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.47 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 552 ล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก..อะป่าว?

*ไหนๆ เม้าท์ถึงหุ้นร้อนทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนรอยกลับไปดูหุ้น VTEเพื่อบอกให้แฟนคลับทั่วไปรู้ว่า ทุกปีก็สร้างเรื่องขึ้นมาแบบนี้ สุดท้ายก็จบไปแบบทุเรศทุกที แถมผลประกอบการที่เคยคาดหวังจะมีกำไร ก็ลงเอยด้วยผลขาดทุนติดต่อกันหลายปี ล่าสุดหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 3.12 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 12.20% มันมีอะไรให้เชื่อว่า จะดีขึ้นบ้างไหม..กริ๊งกร๊างมาบอกหนูหน่อยสิคะ

*เหมือนกับในรายของ DNAอยากจะกลับมาดันราคาหุ้น ก็ดันกันดื้อๆ พร้อมกับปล่อยมุกธุรกิจใหม่จะพลิกโฉมบริษัทครั้งสำคัญนั้น “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า เรื่องนี้มันเหมือนกับนิทานหลอกเด็กอนุบาล แถมวอลุ่มเทรดหุ้นก็ผลุบๆ โผล่ๆ ไม่มีความสม่ำเสมอ ย่อมทำให้เดี๊ยนเกิดความลังเลใจขึ้นเป็นทวีคูณ หลังเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 2.52 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ทั้งที่ 4 เดือนก่อนหน้านี้ ยังย่ำเตาะแตะอยู่ที่ 1.70 บาท..เฮียฉั่ว ตอบได้ไหม มันคืออะไรเจ้าขา!

*ย้อนกลับมาเม้าท์เรื่องดีๆ อย่าง BANPUแต่งตั้งมือดีอย่าง “อนนต์ สิริแสงทักษิณ” เข้ามานั่งในตำแหน่ง กรรมการบริหาร ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ทำงานด้านธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากถึง 3 ทศวรรษ  โดยหวังว่าจะเป็นคนขับเคลื่อนบริษัทให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนถือหุ้น เพราะมันหมายความว่า ราคาหุ้นจะไม่ต่ำกว่านี้อีกแล้ว วานนี้หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 18.80 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ