รอเวลาโมนิก้าและทีมงาน
*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอย่างละเอียดจะเห็นว่า การทะยานขึ้นของดัชนีในแต่ละรอบมีที่มาที่ไปต่างกันอย่างชัดเจน บางจังหวะที่หุ้นกระชากขึ้นแรง ก็มีแต่เรื่องชวนให้เคลิบเคลิ้ม บางจังหวะที่หุ้นทรุดตัวลงแรง ก็มีแต่เรื่องชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า หรือในบางจังหวะที่ตะลุมบอนกันฝุ่นตลบ ก็มีแต่เรื่องที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้สักอย่างนะจะบอกให้
*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอย่างละเอียดจะเห็นว่า การทะยานขึ้นของดัชนีในแต่ละรอบมีที่มาที่ไปต่างกันอย่างชัดเจน บางจังหวะที่หุ้นกระชากขึ้นแรง ก็มีแต่เรื่องชวนให้เคลิบเคลิ้ม บางจังหวะที่หุ้นทรุดตัวลงแรง ก็มีแต่เรื่องชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า หรือในบางจังหวะที่ตะลุมบอนกันฝุ่นตลบ ก็มีแต่เรื่องที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้สักอย่างนะจะบอกให้
*วันนี้ถึงอย่าได้กระวนกระวายใจไปตามอารมณ์ของตลาดหุ้น เพราะเป็นเรื่องที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า ทุกอย่างยังไม่นิ่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และสูตรของการลงทุนเที่ยวนี้ก็เป็นการเล่นรอบ ซึ่งมีหลักใหญ่ใจความสำคัญแค่ “ขึ้นแรงขาย..ลงแรงซื้อ” เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับรอเวลาที่เหมาะเจาะ หลังจากนั้นก็กระโจนใส่ในทันที เพราะรอบวิ่งของหุ้นหดสั้นลงน่ะสิ
*จากเมื่อก่อนสามารถขยับขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้แบบชิวๆ สมัยนี้พอขึ้นไปแตะแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาปุ๊บ เกิดอาการแขนขาไม่มีแรงขึ้นมาในทันที หุ้นถึงร่วงผล็อยลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลายคนเตรียมตัวที่จะช้อนซื้อเมื่อลงมาถึงแนวรับ แต่ปรากฏว่า ยังลงมาไม่ถึงแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา หุ้นก็เด้งกลับอย่างรวดเร็วเสียแล้วแบบนี้..มือไว ใจกล้า ถึงจะได้พะยะค่ะ
*เหมือนกับในรายของ IVLกระชากขึ้นแล้วพักตัวในทันที จนหลายคนหลงเชื่อว่า หุ้นจะลงมาแนวรับเดิม แต่พอหันหลังให้ปุ๊บ หุ้นกระชากขึ้นต่อปั๊บ “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตของการวัดใจอย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้มันเป็นเรื่องของเกมหุ้นมากกว่าพื้นฐาน ล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 28.50 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 11.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.54 พันล้านบาท พร้อมกับแสดงสัญญาณoverbought ให้เห็นตำตาแบบนี้..ขายก่อนดีไหม?
*เช่นเดียวกับหุ้นเก็งกำไรพิมพ์นิยมอย่าง SUPERกระชากขึ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 1.73 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 1.28 พันล้านบาท “โมนิก้า” เชื่อว่า มันเป็นผลมาจากโปรเจ็กต์จ่ายไฟเป็นไปตามแผนที่วางไว้ บวกกับปัจจัยหลายอย่างเอื้อให้บริษัทเบ่งกำไรแบบสุดๆ จึงมีแรงช้อนซื้อเข้ามาพยุงตลอดทางที่ขึ้นมา ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดกลายเป็นว่า หุ้นอยู่ในภาวะoverbought เหมือนกันแบบนี้..คิดดูให้ดีนะคะ
*ส่วนรายที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย “โมนิก้า” กลับพุ่งเป้าไปที่น้องเบม BEMประคับประคองตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ จนวานนี้พุ่งขึ้นมาปิดที่ 6 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 1.46 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้องลุยสุดตัว เพราะเกมนี้เป็นจังหวะของการพลิกแนวต้าน 6 บาท ให้กลายเป็นแนวรับ หากผ่านไปได้อย่างสะดวกโยธิน รับรองได้เห็นการไล่ราคาอย่างอุตลุดอีกยกแน่ๆ เจ้าค่ะ
*เหมือนกับกรณีของ GL หลังจากลงไปแตะบริเวณ 19.50 บาท ต่อจากนั้นเด้งขึ้นมายืนเก้ๆ กังๆ แถว 20 บาท พอเผลอแป๊บเดียวหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 23.80 บาท บวกไป 2.20 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 820 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า มันเป็นโมเมนต์ที่มีการก่อตัวพร้อมทะยานขึ้นมาพักใหญ่ๆ แต่พวกเราไม่ทันสังเกตสิ่งที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มาเห็นอีกทีหุ้นก็วิ่งไปไกลเสียแล้ว แถมทำ double topให้เห็นเต็มตาแบบนี้..น่ารักน่าลุ้นดีแท้นะคะ
*เช่นเดียวกับ TPBIหุ้นขวัญใจคนล่าสุดของ “โมนิก้า” ยังแสดงความแข็งแกร่งให้เห็นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส และวานนี้ก็ทำให้ทุกคนได้รู้อย่างแจ่มแจ้งว่า หุ้นกำลังพยายามไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมตลอดเวลา หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 18.40 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 8.88% ด้วยมูลค่า 683 ล้านบาท วันนี้ถึงมีลุ้นขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 18.60 บาทอีกครั้ง..หากผ่านไปได้ด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด น่าจะได้เห็นการขึ้นไปสร้างฐานใหม่บริเวณ 19 บาท เจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ SCI หากมองโปรไฟล์ของหุ้นแบบเนื้อๆ ผลงานในช่วงไตรมาส 2 จะเด่นขึ้นเรื่อยๆ “โมนิก้า” ถึงพยายามให้มิตรรักแฟนเพลงมองจังหวะการลงทุนในหุ้นตัวนี้ให้ดีๆ เพราะต่อจากนี้จะเป็นช่วงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในระหว่างทางจะมีการทดสอบแรงเทขายเป็นระลอก จึงต้องหาโอกาสช้อนหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมาให้ดีๆ เพราะหุ้นขึ้นมาปิดบริเวณแนวต้าน 10.50 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาทแบบพอดิบพอดีน่ะสิ
*ตรงกันข้ามกับในรายของอีเว่อร์ EVERหากดูตามรูปเกมที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนต์ที่เจ้ามือพยายามประคองหุ้นแบบสุดฤทธิ์ หุ้นถึงบวก 3 วันติดอย่างร้อนแรง ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.03 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 7.30% ด้วยมูลค่า 208 ล้านบาท มันเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นพะยะค่ะ
*เหมือนกับในรายของหุ้น RICHมีนักลงทุนรายใหญ่กอดหุ้นไว้อย่างเหนียวแน่นนั้น มันมีส่วนช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้นก็จริง แต่อย่าลืมว่า ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบการ! หากผลงานไม่เข้าตากรรมการ หุ้นคงไม่รอดสันดอนอย่างแน่นอน ซึ่งเหมือนกับในช่วงต้นปี 58 ที่มีการดันหุ้นขึ้นไปถึง 3.50 บาท สุดท้ายไม่มีอะไรดีขึ้นสักอย่าง หุ้นถึงรูดมหาราช จนมากองอยู่แถวๆ 0.55 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 0.70 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 22.80% ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท อาจขึ้นต่อเหมือนรายข้างต้นก็ได้..ขึ้นอยู่กับว่า เชื่อฝีมือเสี่ยหรือเปล่า? อิอิอิ