จุดอ่อนของการไว้ใจ!โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงปัจจัยลบรุมเร้า มันทำให้อารมณ์ของเหล่าผู้เล่นกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเอาเสียมากๆ เพราะในช่วงที่ทุกอย่างกำลังเซ็ทตัวเพื่อรอให้ทุกอย่างดีขึ้น มักมีเหตุร้ายโผล่ขึ้นมากะทันหันเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองพิจารณาถึงเหตุผลของการเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ทุกอย่างดูแย่ไปหมดล่ะค่ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงปัจจัยลบรุมเร้า มันทำให้อารมณ์ของเหล่าผู้เล่นกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเอาเสียมากๆ เพราะในช่วงที่ทุกอย่างกำลังเซ็ทตัวเพื่อรอให้ทุกอย่างดีขึ้น มักมีเหตุร้ายโผล่ขึ้นมากะทันหันเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองพิจารณาถึงเหตุผลของการเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ทุกอย่างดูแย่ไปหมดล่ะค่ะ
*งานนี้ไม่ได้กล่าวหากันลอยๆ แต่เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” พยายามเม้าท์กรอกหูตั้งแต่วันก่อนแล้วว่า การซื้อหุ้นในช่วงนี้ต้องกำหนดกรอบให้ชัดเจน เพราะสัญญาณเทคนิคโค้งตัวลงอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีวันหยุดยาวเข้ามาเกี่ยวข้องในทางอ้อม หรือแม้กระทั่งการปรับลดตัวเลข GDP ลงสู่ระดับ 3.30% จากเดิมอยู่ที่ 3.70% มันเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนเต็มๆ นะจะบอกให้
*ผลดังกล่าวทำให้นักลงทุนสาดหุ้นออกมาอย่างหนักหน่วง จนดัชนีรูดลงมากองอยู่ที่ 1,399.91 จุด ลบไป 11.93 จุด ด้วยมูลค่า 3.99 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่ทำให้รู้ว่า ในเมื่อผลประกอบการแบงก์ย่ำแย่ เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงชะลอตัว จึงไม่มีประเด็นไหนที่ทำให้เชื่อว่า ดัชนีจะวิ่งขึ้นอย่างถาวร แถมครั้งนี้เป็นรอบที่ 4 ที่ดัชนีไม่สามารถยืนปิดเหนือ 1,400 จุด แล้วจะหวังอะไรได้อีกล่ะจ๊ะ
*บวกกับข้อมูลวันก่อนยืนยันว่า แนวรับสำคัญในเที่ยวนี้มีอยู่ 3 จุดใหญ่ๆ คือ 1,407 จุด ถัดมา 1,395 จุด และท้ายสุด 1,365 จุด ย่อมเป็นการบอกถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงไม่อยากเห็นแฟนคลับใจอ่อนไปกับเรื่องที่รู้อยู่เต็มอกตูมๆ ว่า ยังไม่มีอะไรดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ก็ไม่ควรไว้ใจอะไรทั้งนั้น เพราะสุดท้ายก็กลายเป็นตัวเองที่เจ็บตัวหนักสุดไงล่ะค่ะ
*สำหรับรายที่แฮปปี้เอ็นจอยสุดๆ ในยามนี้คงไม่มีใครเกินกว่า SUPER เพราะกำลังอยู่ในช่วงของการ COD อย่างต่อเนื่อง จนไม่สนใจเรื่องเข้าเขตซื้อมากเกินไป จนสุดท้ายหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1.96 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของกระแสที่กำลังจุดติด จึงต้องคิดกันต่อไปว่า กำไรจะออกมาตามคาดอะป่าวตัวเอง
*ส่วนในรายของ IVL อยู่ในข่ายที่น่าจะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากโชว์ผลการดำเนินงานปี 58 ได้อย่างสะแด่วแห้ว บวกกับมีคนคาดหมายกันว่า กำไรในไตรมาส 1 ปี 59 จะบรรเจิดสุดๆ หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 29 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 1.65 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนตัมที่นักเล่นต้องเข้าใจกันก่อนว่า เขาเชื่อกันแบบนั้นนะคะ
*เหมือนกับในรายของ RS หากดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ราคาหุ้นก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แถมบางวันก็โดนเทขาย แต่บางวันก็มีแรงซื้อ ทิศทางของหุ้นถึงเป็นแบบ sideway up “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 12.40 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.80% ด้วยมูลค่า 250 ล้านบาท เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า หากผ่าน 13 บาทไปได้ มีลุ้น 15 บาทเจ้าค่ะ
*ส่วนที่แหวกกระแสตลาดขึ้นมาปิดเขียวปี๋ได้แบบเหลือเชื่อ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ BWG ซึ่งกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.62 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเด้งขึ้นหลังจากลงไปแตะเส้นแนวรับ 200 วันที่บริเวณ 1.55 บาท แต่สุดท้ายก็ติดกรอบด้านบนบริเวณ 1.63 บาท และ1.67 บาท วันนี้ถึงต้องลุ้นให้วิ่งผ่านไปให้ได้ หากไปไม่ได้..เกมโอเว่อร์นะจะบอกให้
*หากคิดไม่ออกให้ดูตัวอย่างจากหุ้น RPC ซึ่งพยายามกระชากฝ่าแนวต้าน 1.10 บาทหลายครั้งด้วยกัน สุดท้ายก็ยังวนเวียนไปมาในกรอบ 1.01-1.10 บาท ล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1.06 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่า 140 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอฟันธงลงไปเลยว่า นี่เป็นเกมชักเย่อ! ผลอาจออกมาไม่สวยสักเท่าไหร่ เพราะสตอรี่ไม่ค่อยเร้าใจน่ะสิ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ต้องไปต่อกันที่ QTC หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 8.70 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือขึ้นไป 12.30% ด้วยมูลค่า 620 ล้านบาท แถมไม่โดนอะไรเหมือนกับหุ้นบางตัว บรรดาขาซิ่งทั่วสารทิศถึงมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง และเมื่อดูทรงหุ้นที่มาในโทนนี้อย่างละเอียด “โมนิก้า” ขอเม้าท์ตามตรงว่า 12 บาทยังน้อยเกินไป(ประชด) เพราะวันนี้หุ้นเทรดบนค่า P/E 14 เท่าเองเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ CHOW หากจะเม้าท์ถึงปัจจัยบวกก็เป็นอะไรที่พูดยากมากๆ เพราะหุ้นเป๋มาเป็นปีเหมือนกัน จู่ๆ กลับเด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่ผลการดำเนินงานยังตัวแดงโร่มาแต่ไกล “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักเล่นเกาะกระแสดังกล่าวแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ก็พอมั้ง! เพราะมองไม่เห็นโอกาสที่หุ้นจะแรลลี่ยาว สู้เล่นสั้นๆ เอากำไรเข้ากระเป๋าเรื่อยๆ น่าจะดีกว่า หลังหุ้นขึ้นมาปิดที่ 5.20 บาท บวกไป 0.42 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่า 165 บาท มันธรรมดาซะที่ไหนล่ะจ๊ะ
*ป.ล.วันนี้อยากจะทำอะไรรีบทำ เพราะจุดจบของการเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น..สุดท้ายจบเห่ทุกทีน่ะสิ