ทยอยเก็บของโมนิก้าและทีมงาน
*หากวิเคราะห์ความเป็นไปของดัชนีจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ดัชนีลงมาพอสมควรแล้วก็จริง หากจะไหลลงต่อ ก็คงรูดลงอีกไม่เกิน 20 จุด เพราะมีเส้นแนวรับ 200 วันบริเวณ 1,365 จุด คอยค้ำยันไม่ให้ดัชนีอ่อนตัวลงไปลึกกว่าที่เป็นอยู่ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ควรแก่การทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อเพิ่มรอบการทำกำไรได้อย่างถนัดถนี่ไงล่ะค่ะ
*หากวิเคราะห์ความเป็นไปของดัชนีจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ดัชนีลงมาพอสมควรแล้วก็จริง หากจะไหลลงต่อ ก็คงรูดลงอีกไม่เกิน 20 จุด เพราะมีเส้นแนวรับ 200 วันบริเวณ 1,365 จุด คอยค้ำยันไม่ให้ดัชนีอ่อนตัวลงไปลึกกว่าที่เป็นอยู่ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ควรแก่การทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อเพิ่มรอบการทำกำไรได้อย่างถนัดถนี่ไงล่ะค่ะ
*ข้อมูลเหล่านี้เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ “โมนิก้า” พร่ำบอกแฟนคลับไม่ขาดปาก และยังคงยืนหยัดในการทำหน้าที่คนส่งสาร เพื่อทุกคนจะได้ร่วมกันคิดหาหนทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมากสุด เพราะข้อมูลที่ออกมาจากปากผู้รู้หลายท่านพูดตรงกันว่า เดือนนี้หุ้นจะตกหนัก! ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว จึงควรหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ และหันไปทยอยเก็บหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นการทดแทนเจ้าค่ะ
*ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้สาวน้อยผู้น่ารักอย่าง “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์มอยด์เรื่องชาวบ้านเพื่อทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่..มองไปทางไหน ก็เห็นแต่สีแดงเยอะแยะเต็มไปหมด มันไม่จรรโลงจิตใจเสียเลย วันนี้เลยถือโอกาสพูดถึงเฉพาะหุ้นที่ทำให้แฟนคลับผิดหวังไม่กี่ตัว ต่อจากนั้นค่อยเม้าท์ถึงหุ้นที่คาดว่าจะเป็นทางเลือกให้กับแฟนคลับดีกว่านะคะ
*โดยเฉพาะในรายของ SUPERมีการปล่อยข่าวลือเรื่องนั้น เรื่องนี้เยอะแยะเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่า เรื่องไหนเป็นเรื่องจริง? บวกกับก่อนหน้านี้มีคนติดหุ้นราคาสูงเป็นจำนวนมาก เมื่อสบช่องได้โอกาสเลยสาดหุ้นออกมาไม่เลี้ยง ผสมกับพวกเล่นสั้นที่นิยมเข้ามาตะลุมบอนไม่เลี้ยง หุ้นถึงรูดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 1.61 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 5.85% ด้วยมูลค่า 1.80 พันล้านบาท มันเป็นภาพสะเทือนใจอย่างร้ายแรง เพราะทำให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นหุ้นเก็งกำไรแบบสุดโต่งน่ะสิ
*เช่นเดียวกับหุ้นเหล็ก RICHซึ่งมีชื่อว่า “รวย” แต่ชีวิตจริงกลับ “จน” ล้วนเป็นสถานการณ์ที่ชี้ชัดลงไปว่า “ลากแล้วทุบ” ยังเป็นเกมที่นักลงทุนรายใหญ่ถนัด ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับพวกที่อ่อนพรรษา ส่วนพวกที่รู้ทั้งรู้ว่า มีความเสี่ยงเต็มประตูหน้าต่าง แต่ยังเดินหน้าลุยแบบไม่คิดชีวิต “โมนิก้า” ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ หลังหุ้นรูดลงมาปิดที่ 0.66 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 13% ด้วยมูลค่า 123 ล้านบาท มันคุ้มกับสิ่งที่ได้รับจริงเหรอ?
*ผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ TUเพราะรายนี้ผ่านการทดสอบแรงเทขายมาหนึ่งรอบ และแพทเทิร์นของหุ้นก็อยู่ในช่วงของการกลับตัว “โมนิก้า” ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย และรอบนี้ก็มองเป้าด้านบนได้ถึง 23 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดอยู่ที่ 21.40 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่า 455 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องกล้าตามน้ำนะคะ
*เหมือนกับในรายของ JASIFพอทุกอย่างเคลียร์ครบจนจบกระบวนการ หุ้นก็ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีสถิติเกี่ยวกับการทำ Triple Bottom Lineที่บริเวณ 8 บาท ก่อนจะวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.80 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 416 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงอยากมองยอดเก่าที่เคยทำไว้ที่บริเวณ 11 บาท เพราะมันเป็นจุดที่หุ้นควรจะอยู่น่ะสิ
*ไซเคิลดังกล่าวคล้ายกับ SCIเพราะหุ้นมาด้วยความเชื่อที่ว่า ผลงานในไตรมาส 2 จะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงมีแรงซื้อเข้ามารับหุ้นเป็นระยะ จนสุดท้ายหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 9.85 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.70% “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะลุ้นให้หุ้นเด้งขึ้นไปทดสอบ 10.50 บาทอีกครั้ง จึงอยากให้แฟนคลับขาลุยลองรับไว้พิจารณา อย่างน้อยก็มีพื้นฐานรองรับนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ TACCหากมองตามเนื้อผ้าของสินค้าที่นำมาขายในเซเว่นฯ “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นที่อยู่ในข่าย growth stocksและเชื่อไปถึงขั้นที่ว่า ตัวเลขกำไรในไตรมาส 1 ปี 59 จะเติบโตจากไตรมาส 4 ปี 58 ไม่ต่ำกว่า 100% ซึ่งเป็นตรรกะที่เทียบเคียงจากผลประกอบการของเซเว่นฯ ซึ่งเป็นเหตุผลที่กูรูบางท่านมองราคาเป้าหมายไว้ที่ 8 บาท เพราะมีความเป็นไปได้ที่ปี 59 ตัวเลขกำไรจะโตเป็นเท่าตัว ขณะที่ราคาล่าสุดปิดเสมอตัวอยู่ที่ 6.05 บาท มันเหมาะสำหรับคนที่มีเงินเย็นเสียจริงๆ เจ้าค่ะ
*อีกหนึ่งรายที่ห้ามมองข้ามเป็นอันขาดในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานก็คือ EA ซึ่งเป็นหุ้นสุดรักสุดสวาทของ “โมนิก้า” มาเป็นเวลานาน และเหตุผลที่เชื่อมั่นในหุ้นตัวนี้มาจากผลงานเป็นที่ประจักษ์ และในปี 59 ตัวเลขกำไรจะโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่ราคาหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 21.40 บาท บวกไป 0.20 บาท จึงเป็นจังหวะของการทยอยเก็บหุ้นเพื่อรอเด้งกลับขึ้นไปหายอดเดิม 23 บาทไงล่ะค่ะ
*สุดท้ายคำตอบที่ทำให้ดัชนีรูดลงจากระดับ 1,420 จุด ลงมายืนแถว 1,390 จุด โดยใช้เวลาแค่ 8 วันทำการ ก็เกิดจากน้ำมือของกองทุนตัวแสบ กับ ฝรั่งตาน้ำข้าว ซึ่งต้องการปรับพอร์ตให้กระชับขึ้นกว่าเดิม..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะคะ