ปิดตาหลอกตัวเองทายท้าวิชามาร

รัฐบาลกล่าวหานักวิชาการที่ยื่นเรื่อง UN ให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า “ชักศึกเข้าบ้าน” เอ๊ะ ประเทศไทยไม่ได้เป็นสมาชิก UN หรือไร พูดยังกับย้อนไปร้อยปียุคฝรั่งรุกราน


ใบตองแห้ง

 

รัฐบาลกล่าวหานักวิชาการที่ยื่นเรื่อง UN ให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า “ชักศึกเข้าบ้าน” เอ๊ะ ประเทศไทยไม่ได้เป็นสมาชิก UN หรือไร พูดยังกับย้อนไปร้อยปียุคฝรั่งรุกราน

วันที่ 11 พ.ค.นี้ คณะทำงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ จะทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง จากที่เคยพิจารณาไปครั้งแรกเมื่อปี 2554

ไม่ต้องห่วงนะครับ เขาไม่ได้ดูแค่ “แม่จ่านิว” หรือพวกต้านรัฐประหาร แต่เขาดูกว้างเลยละ ตั้งแต่คำสั่ง คสช.เรื่องแผนแม่บทป่าไม้ ไล่รื้อที่ทำกิน คำสั่งยกเว้นผังเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษ คำสั่งบายพาส EIA เรื่องเหมืองทอง โรงไฟฟ้า เรื่อง ม.44 จำกัดสิทธิปกป้องทรัพยากร ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้หลังรัฐประหาร ไปถึงสิทธิเด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้ลี้ภัย การค้ามนุษย์ ฯลฯ

ไม่ต้องห่วง มีหลายเรื่องขนาดนี้คงมีแง่ดีซัก 2-3 เรื่องให้ ดอน ปรมัตถ์วินัย บอกคนไทยว่า “ต่างชาติเข้าใจดี”

ไม่เหมือนกรณีทูตสวีเดนเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2-3 วันก่อน โฆษกกลาโหมแถลงว่า ท่านทูตสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด อันจะนำมาซึ่งสังคมที่ปรองดองและความมั่นคงของประเทศ แต่ที่ไหนได้ Facebook สถานทูตกลับบอกว่า ท่านทูตกังวลบทบาทที่เพิ่มขึ้นของทหารในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559

บทบรรณาธิการ Chicago Tribune เพิ่งชี้ว่า จากที่เคยเป็นประเทศตัวอย่างของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและทางการเมือง รัฐประหารสองครั้งกำลังทำให้ไทยถอยหลัง มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน จับกุมคนเห็นต่าง การทำประชามติก็มีโทษจำคุก 10 ปีเพียงเพราะแสดงความเห็นก้าวร้าวรุนแรง

คนจำนวนหนึ่งที่มีการศึกษา บ้างก็ผ่านเมืองนอกเมืองนา คงด่าทักษิณตามเคยว่าล็อบบี้ ซื้อสื่อหมดโลก หรือไม่ก็ยุโรปอเมริกาสมคบกันปล้นประเทศไทย

เชื่ออะไรก็ตามใจแต่ในขณะที่ด่าฝรั่งฉอดๆ เราก็ต้องการให้ต่างชาติมาลงทุนไม่ใช่หรือ ถามจริง ภาวะทางการเมืองและสังคมประเทศไทยวันนี้มีใครอยากมาลงทุนระยะยาวบ้าง

นักธุรกิจพวกหนึ่งมีความเชื่อแบบเก่าว่าถ้า “การเมืองนิ่ง” ยิ่งเป็นเผด็จการ ยิ่งดึงดูดการลงทุน เพราะคุยกันง่ายดี ฉะนั้นที่สื่อฝรั่งหรือ UN โจมตีคงไม่มีผลอะไร ประการแรก แน่ใจนะว่านี่คือการเมืองนิ่ง ไม่ใช่ก่อนพายุใหญ่ ประการที่สอง เรายังเป็นประเทศที่ใช้ค่าแรงถูก ใช้แรงงานไร้ฝีมือ ดึงดูดการลงทุนอยู่หรือ

ประเทศไทยหวังเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในอาเซียน ให้บริษัทข้ามชาติมาตั้งสำนักงาน หวังให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ความหวังนี้เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีบรรยากาศเสรีภาพ แม้บอกว่า ม.44 ไม่ใช้กับต่างชาติ แต่เสรีภาพในการสื่อสาร การแสดงความเห็น การใช้สื่อออนไลน์ ไปจนเสรีในการใช้ชีวิต ใครว่าไม่เกี่ยวกัน ความเป็น “ประเทศเสรี” ไม่ใช่หรือที่ทำให้เราเคยมีจุดเด่นกว่าเพื่อนบ้าน

ถ้าสังเกตให้ดี สังคมไทย 2 ปีมานี้ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องจำกัดสิทธิ “พวกต่อต้านรัฐบาล” แต่ยังเกิดความคิดจารีตสุดโต่งพยายามเอา “ศีลธรรม” มากำกับสังคม เกิดอารมณ์วูบไหวรวมหมู่ เรียกร้อง “ยาแรง” จัดการปัญหาต่างๆ เกิดความไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม เกิดการใช้กฎหมายแบบรัฐราชการ เช่นคนแพร่คลิปฝรั่งถูกทำร้าย กลายเป็นทำลายชื่อเสียงประเทศชาติ

ไม่รู้สึกเลยหรือว่าสังคมไทยอยู่ยากขึ้นทุกวัน สำหรับคน “คิดแบบฝรั่ง” แถมยังปลุกกระแสด่า “ประชาธิปไตยฝรั่ง” อยู่เนืองๆ แล้วยังจะมีใครอยากมาลงทุน ถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวจีน

 

                                                                                                            

Back to top button