จุดเด้ง?โมนิก้าและทีมงาน
*หลังจากเดี๊ยนกริ๊งกร๊างสอบถามข้อมูลมาระยะหนึ่ง ในที่สุดกูรูของตลาดหุ้นก็พูดไปในทางเดียวกันว่า ฐานที่มั่นสำคัญรอบนี้อยู่ที่บริเวณ 1,380 จุด ซึ่งเป็นจุดเด้งกลับที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จึงต้องรักษาแนวรับตรงบริเวณนี้ไว้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู หากไม่สามารถประคองให้ดัชนียืนหยัดอยู่บนบริเวณกรอบดังกล่าวได้หละก็!..มูฟเม้นท์ของตลาดหุ้นจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงนะจะบอกให้
*หลังจากเดี๊ยนกริ๊งกร๊างสอบถามข้อมูลมาระยะหนึ่ง ในที่สุดกูรูของตลาดหุ้นก็พูดไปในทางเดียวกันว่า ฐานที่มั่นสำคัญรอบนี้อยู่ที่บริเวณ 1,380 จุด ซึ่งเป็นจุดเด้งกลับที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จึงต้องรักษาแนวรับตรงบริเวณนี้ไว้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู หากไม่สามารถประคองให้ดัชนียืนหยัดอยู่บนบริเวณกรอบดังกล่าวได้หละก็!..มูฟเม้นท์ของตลาดหุ้นจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงนะจะบอกให้
*ประเด็นตรงนี้สอดคล้องกับเรื่องที่ “โมนิก้า” เกริ่นให้ฟังตั้งแต่วันก่อนว่า นาทีทอง? โดยเฉพาะคนที่มีเงินแช่ไว้ในพอร์ตเยอะๆ จังหวะนี้คือการเล่นรอบที่เคยเห็นกันมาหลายครั้ง และก็เป็นเหมือนกับที่เกริ่นนำไว้ทุกอย่าง เพราะหลังจากดัชนีย่อตัวลงมายืนแถว 1,381 จุด ก็มีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาช้อนซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง จนดันดัชนีขึ้นไปยืนที่บริเวณ 1,394 จุดอีกครั้งไงล่ะค่ะ
*ล่าสุดดัชนีโดนกระหน่ำเทขายอย่างหนักหน่วง จนดัชนีร่วงลงมาปิดที่บริเวณ 1,390.13 จุด ลบไป 4.01 จุด ด้วยมูลค่า 4.43 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพการลงทุนที่วนเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องตัดสินใจในทันที เพราะโอกาสของการเล่นสั้นๆ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนให้กระชับขึ้นกว่าเดิม เพราะจังหวะนี้วัดกันที่ความไวพะยะค่ะ
*เหมือนกับการเด้งขึ้นของหุ้น CPALL ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 48.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่า 2,000 ล้านบาท มันเป็นเรื่องตลกหกเก้าที่ไม่มีวันหาความจริงเจอ เพราะกองทุนก็ชอบพูดว่า “ไม่ซื้อ” ฝรั่งก็ชอบพูดว่า “ไม่เอา” สรุปสุดท้ายหุ้นขึ้นด้วย “ซื้อมากกว่าขาย” เดี๊ยนถึงรู้สึกเฉยๆ กับธรรมาภิบาลแบบไทยๆ หลังคนที่เกี่ยวข้องหลงลืมรอยมลทินที่เคยเกิดขึ้นไปหมดแล้ว หุ้นถึงวิ่งระเบิดระเบ้อ โอกาสไปต่อสูงมาก..อิอิอิ
*เช่นเดียวกับในรายของ SUPER ซึ่งกลายเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษในช่วงที่ผ่านมา เพราะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ติดตรงเจ้ามือที่เข้ามาตะลุมบอนเป็นประเภทฮาร์ดคอร์ จึงกลายเป็นหุ้นที่ใครออกก่อนได้เปรียบ ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 1.72 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 11.70% ด้วยมูลค่า 888 ล้านบาท มันเป็นเรื่องของเกมการเงินแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋..ทราบแล้วนเปลี่ยน!
*เหมือนกับในรายของ IVL หากดูตามหน้าเสื่อที่ถูกบิ้วด์ด้วยไตรมาส 1 ปี 59 มีกำไร 4,000 ล้านบาท จากเดิมมีกำไร 400 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นรายการพิเศษที่นักเล่นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนว่า กำไรจากการต่อรองซื้อโรงงานมูลค่า 3,200 ล้านบาทมันบันทึกแค่ปีเดียว ปีหน้าจะไม่มีรายการนี้บันทึกเข้ามาอีก วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นยืนซึมกระทือปิดที่ 28.25 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 1,500 ล้านบาท หรือภาษาหุ้นเข้าเรียกว่า sell on fact..เข้าใจตรงกันนะคะ
*อีกหนึ่งเรื่องที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับเข้าใจตรงกันก็คือ กรณีของหุ้น ADVANC เดินหน้าก็ไม่สุด ลงก็ไม่สุด มันเป็นผลพวงมาจากกำไรลดกว่า 18% ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า ธุรกิจมือถือถึงจุดอิ่มตัว พร้อมกับเดินหน้าเข้าสู่ช่วงถดถอย และสิ่งที่จะได้เห็นหลังจากนี้คงเป็นเรื่องสงครามราคา ซึ่งจะกดดันให้กำไรลดลงไปอีก บวกกับมีเรื่องเข้าประมูล 4G ที่ต้องใช้เงินขั้นต่ำอีก 7.50 หมื่นล้านบาท ล้วนเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดานเต็มๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นปิดเสมอตัวที่ 151 บาท..น่าซื้อหรือไม่ อยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคลนะจ๊ะ
* ไม่พูดถึง คงไม่ได้ เพราะหุ้นตัวท็อปอย่าง BIG กลายเป็นหุ้นที่มีการเก็งกันว่า กำไรไตรมาส 1 ปี 59 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด พวกนกรู้ถึงทยอยเก็บหุ้นตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. แล้วก็เป็นดังคาด! วานนี้ประกาศผลการดำเนินงานพลิกกำไรกว่า 200 ล้านบาท เลยได้เห็นการ sell on fact จนหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 3.14 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 4.90% แถมหุ้นยังอยู่ในเขตซื้อมากเกินไปอีกต่างหาก ความหวังที่จะได้เห็นหุ้นขึ้นไปถึง 4 บาทเลยกลายเป็นหมันในทันทีแบบนี้..อย่าเสี่ยงเลยดีกว่านะคะ
* เรียบๆ เคียงๆ มาดูหุ้น RP กันบ้างดีกว่า เพราะในช่วง 2-3 วันวอลุ่มหนาแน่นผิดปกติ บวกกับวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 9.50 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 3.80% มูลค่าซื้อขาย 94 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอเดาว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานที่จะแน่นปึ้กขึ้นกว่าเดิม บวกกับข้อมูลที่พรายกระซิบไปสืบเสาะแสวงมา ก็พูดไปในทางเดียวกันว่า ยังเป็นช่วงท่องเที่ยวของหลายเกาะ ผสมผสานกับสัญญาณทางด้านเทคนิคไต่ขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จึงต้องใส่กันสุดตัวไปเลยพะยะค่ะ
*ตบท้ายกันที่หุ้น BEM ซึ่งเป็นหุ้นน้ำดีที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงเป็นประจำ ยิ่งเห็นราคาหุ้นขยันทำ new high อย่างต่อเนื่อง ยิ่งควรหันมาโฟกัสมากเป็นพิเศษ ล่าสุด “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ออกตัวแบบมั่นใจสุดๆ ว่า เขาจะเป็นผู้คว้าสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ เพราะมีความพร้อมมากกว่ารายอื่นๆ แถมตัวเองเป็นคนเดินรถอยู่แล้วแบบนี้กระมั้ง ราคาหุ้นถึงเด้งขึ้นมาปิดที่ 6.20 บาท บวก 0.25 บาท หรือบวกไป 4.20% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 960 ล้านบาท จริงเท็จอย่างไร? ต้นเดือน มิ.ย.รู้ผลแน่นอนค่ะ