มาเร็ว..เคลมเร็วโมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนบรรยากาศการลงทุนในยามที่ดัชนีพุ่งหูดับตับไหม้จะอบอวลไปด้วยความชื่นมื่น พร้อมกับมีการสรรหาเรื่องดีๆ มาเล่าสู่กันฟังเยอะแยะไปหมด แต่ทันทีที่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์กันไว้ ทุกอย่างก็มลายหายไปในพริบตานั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่เห็นจนชิน แถมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนมีนาคม จึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดนะจ๊ะ


*ดูเหมือนบรรยากาศการลงทุนในยามที่ดัชนีพุ่งหูดับตับไหม้จะอบอวลไปด้วยความชื่นมื่น พร้อมกับมีการสรรหาเรื่องดีๆ มาเล่าสู่กันฟังเยอะแยะไปหมด แต่ทันทีที่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์กันไว้ ทุกอย่างก็มลายหายไปในพริบตานั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่เห็นจนชิน แถมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนมีนาคม จึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดนะจ๊ะ

*สิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ ถึงไม่มีอะไรต่างจากเดิม กองทุนตัวแสบยังคงดันหุ้นไปออกของ ฝรั่งขี้นกยังตั้งหน้าตั้งตาขายหุ้น ปอบผีฟ้ายังยึดหลักตีหัวเข้าบ้าน แมงเม่ายังคงเข้าๆ ออกๆ กันเป็นว่าเล่น ผลดังกล่าวทำให้ดัชนียังคงวนเวียนในกรอบ 1,380-1,420 จุด  “โมนิก้า” จึงขอถามกลับไปว่า ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,394.69 จุด ลบไป 4.62 จุด ด้วยมูลค่า 5.02 หมื่นล้านบาท มันมีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเจ้าค่ะ

*เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ยังโฟกัสไปที่กำไรในไตรมาส 1 ปี 59 จะออกมาดีขนาดไหน? เพราะเป็นตัวแปรที่บอกให้รู้ว่า หุ้นควรจะขึ้นไปถึงระดับไหน? ส่วนประเด็นการเพิ่มน้ำหนัก และลดน้ำหนักของดัชนี MSCI “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเมนต์ที่ไม่ค่อยมีผลสักเท่าไหร่กระมั้ง เพราะหุ้นที่โดนปรับออกจากการคำนวณ กลับวิ่งขึ้นอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้..เอาแบบที่สบายใจดีกว่านะคะ

*ขนาดหุ้นมหาอุดอย่าง QTC ขาดทุนบักโกรกให้เห็นเต็มตา แต่ราคาหุ้นกลับทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นมาทำ new high ที่ระดับ 10.60 บาท บวกไป 1.05 บาท หรือขึ้นไป 11% ด้วยมูลค่า 890 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติมากเกินไป และหุ้นที่เดินมาทรงนี้ไม่เคยยืนระยะได้ยาวๆ สักที จึงฝากเตือนด้วยความหวังดี..แต่เอาเถอะ! ในเมื่อขาลุยเทรดหุ้นโดยอิงกับค่า P/E 16 เท่า และยังไม่โดน cash balance มันเลยต้องปั่นกันต่อไป จริงไหมตัวเอง!

*เหมือนกับในรายของ T แมงลือกระซิบข้างหูให้ฟังว่า เคยสร้างเรื่องหลอกแมงเม่ามาตั้งหลายครั้ง แต่ยังมีคนคล้อยตามด้วยเป็นประจำ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในแวดวงตลาดหุ้น แถมวันนี้ยังเม้าท์ถึงโปรเจ็กต์โน้นโปรเจ็กต์นี้ สุดท้ายยังไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 0.22 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่า 158 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบนค่า P/E 63 เท่า มันเว่อร์เกินไปไหมค่ะ

*ส่วนในรายของ PJW อันนี้ขึ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานล้วนๆ แรงซื้อถึงไหลกลับเข้ามาอย่างฉับพลัน จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 3.02 บาท บวกไป 0.52 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่า 155 ล้านบาท มันเป็นสูตรคำนวณที่ถูกคิดจากความคาดหวังกำไรต่อหุ้นปี 59 จะมีไม่ต่ำกว่า 0.20 บาท เมื่อนำมาคำนวณหาค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่า ราคาเป้าหมายเลยสูงถึง 4 บาท ส่วนเรื่องจริงๆ จะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ต้องดูกันเอาเองนะคะ

*งานนี้ “โมนิก้า” บอกได้แค่ว่า ทฤษฎีเขาว่าไว้อย่างนั้น แต่แนวทางปฏิบัติอาจเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้ ซึ่งเปรียบได้กับกรณีของ XO ใคร ก็คิดว่า คงม้วนเสื่อกลับบ้าน หลังออกอาการเมาหมัดให้เห็นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นขึ้นมาทำ new high ที่ระดับ 7.35                บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 5.80% ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท ทั้งที่ต้นสัปดาห์ยืนอยู่ที่ 5.85 บาท มันเกี่ยวข้องกับกำไรในไตรมาส 1 ปี 59 โตขึ้น 56% อย่างแน่นอน จนเป็นที่มาของการให้ราคาเป้า 8 บาทไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ESSO  ถ้ามองในมุมของนักเล่นระดับพระกาฬ ทุกคนลงความเห็นว่าการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 5.85 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 145 ล้านบาท มันเป็นการดันราคาหุ้นในลักษณะสงครามวันเดียวชัดๆ แถมก่อนหน้านี้เคยวิ่งขึ้นมาแตะ 6 บาท หลังจากนั้นรูดลงไปกองที่ 5 บาท  “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนที่คิดจะเข้าเล่นในวันนี้ พิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้ดีเสียก่อน เดี๋ยวจะหาว่า ไม่เตือน! นะจะบอกให้

*ตะเภาเดียวกันกับในรายของ SCN  ซึ่งหายหน้าหายตาไปจากวงการพักใหญ่ๆ แต่ในช่วงหลังๆ เริ่มมีวอลุ่มมากขึ้นวันละนิดวันละหน่อย “โมนิก้า” เลยเกรงว่า อาจเป็นการซุ่มโป่งของแก๊งบ้างแก๊ง เพื่อดันราคาหุ้นไปออกของราคาสูง คิดดูซิ..ช่วงต้น เมษายน ราคาหุ้นย่ำอยู่ที่ 6.70 บาท ต่อจากนั้นวิ่งขึ้นไปแตะ 8.20 บาทปุ๊บ ราคาหุ้นก็ร่วงลงยืนอยู่ที่ 7 บาท ล่าสุดหุ้นอยู่ที่ 7.70 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 6.20% ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท มันคงไม่แคล้วซ้ำรอยเดิมนะจ๊ะ

*ผิดกับในรายของ AAV เพราะรายนี้ขึ้นแรงพร้อมกับกำไรโตกระฉูด “โมนิก้า” ถึงยกมือสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเมื่อมองในมุมของโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ยิ่งทำให้หุ้นสายการบินรายนี้น่าสนใจขึ้นมาเป็นกอง ล่าสุดราคาหุ้นวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 6.15 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 950 ล้านบาท แสดงว่า ธุรกิจเขากำลังมาจริงๆ แถมหุ้นเคลื่อนตัวแบบ w-shape เสียด้วยแบบนี้..ลุยไปเลยดีกว่าเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของTKN กระชากขึ้นมาปิดที่ 14.10 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 8.50% ด้วยมูลค่า 1,000 ล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากเอฟเฟ็กต์ตัวเลขกำไรไตรมาส 1 เติบโต 300%  เลยพากันเชื่อว่า ไตรมาส 2 จะดีต่อเนื่อง จึงมีความพยายามดันราคาหุ้นขึ้นไปทดสอบ 15 บาท ซึ่งจะทำให้ค่า P/E สูงขึ้นไปอีก ขณะที่ราคาเทรดจังหวะนี้อยู่บนค่า P/E  35 เท่า  คุ้มที่จะเสี่ยงไหมล่ะจ๊ะ

Back to top button