ไม่แยแสโลกก็ไล่ทูตทายท้าวิชามาร
คนดีเด่นดังแห่ไล่ทูตสหรัฐฯ โทษฐาน “ฉีกหน้า” รัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ใช้คำว่าหยาม กักขฬะ กุ๊ย แสดงกิริยามารยาทถ่อย กำพืดต่ำ
ใบตองแห้ง
คนดีเด่นดังแห่ไล่ทูตสหรัฐฯ โทษฐาน “ฉีกหน้า” รัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ใช้คำว่าหยาม กักขฬะ กุ๊ย แสดงกิริยามารยาทถ่อย กำพืดต่ำ
ถามจริง ทูตกลิน เดวีส์ ทำให้รัฐมนตรีดอนหน้าแหก หรือกระทรวงการต่างประเทศทำให้ตัวเองหน้าแหกกันแน่
ก่อนนั้น 1 วัน แคทรีนา อดัมส์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงว่า “ไม่สบายใจ” การจับกุมแม่นักเคลื่อนไหวทางการเมือง สร้างบรรยากาศข่มขู่ ทำให้วิตกกังวลและห่วงใยอย่างยิ่ง ต่อพันธกรณีของไทยที่มีกับนานาชาติ ซึ่งต้องเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
สำนักข่าวฝรั่งรายงานข่าวนี้ แล้วมีสื่อไทยแปลว่า “สหรัฐฯประณามไทย” กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่าได้ตรวจสอบกับฝ่ายสหรัฐฯแล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมิได้ออกแถลงการณ์ใดๆ ข้อความที่สื่อรายงานเป็นเพียงการตอบคำถามโดยเจ้าหน้าที่เวรข่าวของกรมเอเชียตะวันออก มิใช่การตอบคำถามโดยโฆษก อีกทั้งมิได้ใช้ถ้อยคำว่า “ประณาม” (condemn)
เมื่อทูตเดวีส์มาพบรัฐมนตรีดอน มีการแถลงข่าว ก็มีนักข่าวถามว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯประณามไทยจริงหรือไม่ ท่านทูตก็ตอบ 2 ประเด็นคือ กระทรวงการต่างประเทศแถลงจริง แคทรินา อดัมส์ เป็นโฆษก (ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เวรข่าว คุณไปเอามาจากไหน) เพียงแต่ไม่ถึงกับใช้คำว่า condemn แค่เบากว่านั้นนิดนึง ว่าแล้วก็อ่านคำแถลงให้ฟังพร้อมมีเจ้าหน้าที่แปลไทย
แน่ล่ะ รัฐมนตรีดอนหน้าเหลือ 2 นิ้ว ทักท้วงว่าเมื่อครู่ไม่ได้หารือกันเรื่องนี้ แต่ทูตบอกว่าเมื่อมีนักข่าวถาม ก็เป็นหน้าที่ต้องชี้แจงจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯ ถามว่าเขาผิดตรงไหน ก็ใครล่ะ ไปปฏิเสธว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯไม่ได้แถลง เป็นแค่เจ้าหน้าที่เวรข่าว
กระทรวงการต่างประเทศยุคลุงดอน ใช้ท่าทีเช่นนี้ตลอดมา เวลาต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์ ก็อ้างว่าต่างชาติเข้าใจไทย ขนาดที่ประชุม UPR ทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เจนีวา 103 ประเทศรุมวิจารณ์ รัฐมนตรีดอนยังบอกคนไทยว่ามีเสียงชื่นชมตั้งหลายประเด็น
จะกลบเกลื่อนปิดหูปิดตาไปถึงไหน ยอมรับเถอะว่านอกจากจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ ทั่วโลกวิจารณ์ไทยทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย แต่มีกระทั่งเกาหลีใต้ ชิลี โคลัมเบีย บอทสวานา รอยเตอร์พาดหัวว่า Thailand faces a “moment of shame” กระนั้นผู้แทนไทยก็ยังหน้าซื่อตาใสว่าไม่มีละเมิดสิทธิ
“คนไทยรักชาติ” ไม่ยักอับอายขายหน้าที่ชาวโลกวิพากษ์วิจารณ์ กลับรู้สึกว่าทูตสหรัฐฯ “หยามศักดิ์ศรี” อ่านคำแถลงต่อหน้ารัฐมนตรี ทั้งที่ประการแรก ควรถามตัวเองว่าที่เขาวิจารณ์นั้นจริงไหม ถ้าการจับแม่จ่านิว “จ้า” ถูกต้องแล้ว ทำไมจึงเกิดกระแสคัดค้านอย่างกว้างขวาง
หรือคนพวกนี้เห็นว่าศักดิ์ศรีของชาติคือดันทุรังทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องสนใจถูกผิด ชาติไทยมีอารยธรรม ต้องปกป้องกัน ว่าแล้วก็ด่าไอ้กันอันธพาล “ตำรวจโลก” เที่ยวรุกรานชาวบ้าน ทั้งที่เห็นอยู่ว่าวันนี้ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ แต่นานาชาติล้วนวิพากษ์วิจารณ์ โลกวันนี้ไม่ใช่ยุคตัวใครตัวมันแต่มีพันธกรณีอย่าง UPR ซึ่งมีผลต่อการคบค้าสมาคม เวทีวันนั้นถ้าฟังให้ละเอียดจะเห็นว่า นานาชาติสนใจ รู้ปัญหา และกังวลสถานการณ์ในไทยมาก
ประชาคมโลกกำลังกดดันไทยหนักขึ้น แต่คนไทยกลับโทษว่าเป็นเพราะทูตคริสตี้ เพราะทูตเดวีส์ เพราะอเมริกา เพราะทักษิณล็อบบี้ แล้วก็จะไล่ทูต ไล่ด่าทุกประเทศที่วิจารณ์ ที่จริงเขายังไม่ถึงกับมีมาตรการเป็นรูปธรรม แต่เราชิงโดดเดี่ยวตัวเองก่อน ตลกดี