พาราสาวะถี อรชุน
จับไม่ได้ไล่ไม่ทันอยู่แล้วประสาเนติบริกรชั้นครู กรณี มีชัย ฤชุพันธุ์ ถูกกล่าวหาว่า พูดชี้นำให้รับร่างรัฐธรรมนูญที่ตัวเองพร้อมชาวคณะยกร่างไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง โดยอ้างว่าเป็นการตีความของพวกใจไม่สุจริต เพราะสิ่งที่พูดนั้นหมายถึงร่างรัฐธรรมนูญมีส่วนที่สนช.และสปท.ไม่เห็นด้วย แต่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ค่อยไปพิจารณาปรับแก้กันในอนาคตก็แล้วกัน
จับไม่ได้ไล่ไม่ทันอยู่แล้วประสาเนติบริกรชั้นครู กรณี มีชัย ฤชุพันธุ์ ถูกกล่าวหาว่า พูดชี้นำให้รับร่างรัฐธรรมนูญที่ตัวเองพร้อมชาวคณะยกร่างไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง โดยอ้างว่าเป็นการตีความของพวกใจไม่สุจริต เพราะสิ่งที่พูดนั้นหมายถึงร่างรัฐธรรมนูญมีส่วนที่สนช.และสปท.ไม่เห็นด้วย แต่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ค่อยไปพิจารณาปรับแก้กันในอนาคตก็แล้วกัน
แน่นอนอยู่แล้วต้องออกมาทรงนี้ เพราะหากเกิดมีใครไปยื่นให้กกต.ช่วยตีความว่า สิ่งที่ประธานกรธ.พูดนั้นเข้าข่ายชี้นำ กระทำผิดกฎหมายประชามติหรือไม่จะไปกันใหญ่ ซึ่งทางถอยแบบนี้โดยที่มีกกต.ไปร่วมชี้แจงในเวทีสัมมนาของกรธ.พร้อมกับสนช.และสปท.ด้วย คงชัดเจนว่า ไม่สามารถเอาผิดได้ แต่สิ่งที่ได้พูดออกมานั้นมันได้สะท้อนภาพทางการเมืองหลายประการ
ชัดเจนที่สุดคือ การออกอาการเช่นนี้แสดงถึงความอึดอัดของมีชัยในการทำประชามติ ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่พอใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนที่เคยบอกว่า ในเมื่อผู้สั่งการและผู้ยกร่างพยายามทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครจะแตะต้องไม่ได้ จึงเกิดความรำคาญใจพร้อมขู่ฟ่อดๆ ที่จะดำเนินคดีทางกฎหมายทุกครั้งหากมีใครบังอาจมายุ่ง
เหมือนที่มีชัยโต้กลับเวทีวิชาการล่าสุดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีอาจารย์รายหนึ่งพูดว่า การที่กรธ.ไม่ยอมแจกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้ประชาชนแสดงว่า ต้องมีอะไรซุกซ่อนอยู่ แน่นอนว่า นึกไม่ออกว่าคนที่พูดแบบนี้เป็นอาจารย์ได้อย่างไร เพราะถ้าอาจารย์มีความรู้ก็ลองอ่านดูให้จบแล้วมาบอกกันว่าหมกเม็ดตรงไหน เหมารวมแบบนี้ไม่ได้ใช้ความรู้แต่ใช้ความเป็นอันธพาล
พร้อมๆ กับการปฏิเสธการขึ้นเวทีดีเบตกับเด็กนักศึกษาในนามกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่า เราจะไปคุยกับใครได้ก็ต่อเมื่อคนนั้นมีเหตุผลและอ่านร่างรัฐธรรมนูญจนจบแล้ว ถ้ายังไม่ได้อ่านเลยหรืออ่านยังไม่จบก็ไม่รู้จะคุยทำไม หนังสือทั้งเล่มอ่านไป 3 หน้า แล้วจะว่าคนเขียนเขียนไม่ดี ตนไม่รู้จะเถียงอะไร
เป็นการแสดงอาการไม่พอใจแบบผู้ดีหรือคนดี จะผรุสวาทมากไปกว่านี้ก็เกรงว่าจะไม่งาม แต่เท่าที่เห็นก็ชัดเจนแล้วว่ามีชัยตกอยู่ในภาวะควันออกหู ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูสิ่งที่ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ท้าให้กรธ.ส่งคนมาดีเบตนั้น สืบเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมจับผิดกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ใครบิดเบือนกันแน่โดยให้ความเห็นแย้งต่อคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ 10 ข้อ
ในที่นี้จะหยิบยกมานำเสนอเพียงบางส่วน เช่น เรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ทางกลุ่มเห็นว่า สิทธิบางประการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะเกิดได้จริง การที่ประชาชนจะมีความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่ต้องมีรัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถและกำหนดนโยบายที่เอื้อต่อประชาชนได้ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้รับรองความชอบธรรมคำสั่งคสช.ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ เช่น คำสั่งลัดขั้นตอนอีไอเอและยังให้คสช.มีอำนาจตามมาตรา 44
ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีการตัดสิทธิของประชาชนในหลายด้าน ทั้งด้านสิทธิการศึกษาที่กำหนดให้ประชาชนเรียนฟรีได้ถึงม.3 เท่านั้น สิทธิทางสาธารณสุข ก็ตัดคำว่าสิทธิเสมอกันในการรับบริการสาธารณสุขออกไป จึงอาจเกิดการตีความการยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้ อีกทั้งด้านสิทธิแรงงาน ก็ตัดคำว่า ค่าจ้างที่เป็นธรรมที่เคยมีในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนออก อาจทำให้เกิดการตีความตัดสิทธิแรงงานที่จะได้รับค่าจ้างหรือการรวมตัวออกไป
ส่วนการเลือกตั้งที่บอกว่าให้ความสำคัญต่อทุกคะแนนเสียงนั้น ความจริงไม่ได้ทำให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมายอย่างแท้จริง เพราะประชาชนถูกบีบให้ต้องเลือกทั้งผู้สมัครและพรรคไปด้วยกัน อีกทั้งหากไม่มีผู้สมัครของบางพรรคในเขตใด ประชาชนก็ไม่สามารถลงคะแนนให้พรรคนั้นได้ แม้จะชอบนโยบายของพรรคนั้นมากที่สุด ต้องไปเลือกพรรคที่ชอบน้อยกว่าหรือกาช่องที่ไม่ออกเสียงแทน
ขณะที่เรื่องของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่อ้างว่าทำให้เข้มแข็งและฉับไวขึ้น ที่ผ่านมาองค์กรตุลาการและองค์กรอิสระต่างก็มีอำนาจมากอยู่แล้ว และมีประวัติแทรกแซงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตลอดมา อีกทั้งสมาชิกองค์กรอิสระบางคนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคสช.จึงยากที่จะคาดหวังว่าจะมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
นอกจากนั้น ข้ออ้างเรื่องการปฏิรูปไทยสู่อนาคต ความจริงแล้วรัฐบาลควรมีอิสระในการกำหนดนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่กำหนดรายละเอียดให้รัฐบาลต้องปฏิบัติ โดยมิอาจริเริ่มสร้างสรรค์ได้เอง เนื่องจากการปฏิรูปถูกกำหนดให้ส.ว.เป็นผู้ควบคุมสูงสุด ซึ่งส.ว.ชุดแรกก็มาจากการเลือกของคสช.ทั้งหมด
น่าสนใจต่อบทสรุปของนักศึกษากลุ่มนี้ที่เรียกร้องว่า ต่อไปในอนาคตหากเรารับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราอาจจะได้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง ก่อนที่จะบอกว่า ที่ผ่านมากลุ่มมักถูกกล่าวหาว่าสิ่งที่พูดเป็นการบิดเบือน ทั้งที่พูดตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากกรธ.คิดว่าเป็นการบิดเบือนจริงก็ขอท้าดีเบต แล้วความจริงจะได้ปรากฏว่าใครกันแน่เป็นคนบิดเบือนข้อเท็จจริงที่มีในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ความจริงเรื่องปมย้อนแย้งของผู้มีอำนาจและบรรดาลูกขุนพลอยพยักนั้น มีให้เห็นกันมาตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีการเสนอข้อกฎหมายต่างๆ ตัวอย่างเช่น เรื่องของร่างรัฐธรรมนูญบอกว่าอย่าตามอย่างฝรั่งมังค่าให้เป็นรูปแบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ แต่พอพิจารณาเรื่องกฎหมายจราจรดันบอกว่าจะต้องดูจากเมืองนอกเมืองนา
ทั้งๆ ที่สองสิ่งนั้นอย่างแรกควรที่จะต้องยึดหลักสากลเสียมากกว่า เนื่องจากประชาธิปไตยมีแนวทางที่ให้ยึดปฏิบัติแทบจะไม่ต่างกัน ส่วนเรื่องการจราจรถามว่าเอาแค่สภาพรถและสภาพถนนของไทยมันเหมือนกับในประเทศที่เจริญแล้วหรือเปล่า แล้วอย่างไหนที่ควรจะเขียนกฎหมายให้เป็นไทยมากกว่ากัน เท่านี้ก็ทำให้เห็นการเอาสีข้างเข้าถูของบรรดาคนดีและผู้มีสติปัญญาเลอเลิศด้านกฎหมายกันแล้ว แถเสียจนประเทศไทยถอยหลังเข้าคลองเป็นที่น่าอับอายนานาอารยประเทศ