ช่วงนี้…พ้มว่างเสมอ (คร้าบ)แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ผลประกอบการหุ้นในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ของบริษัทจดทะเบียนออกมากันครบแล้ว...น่าใจหายเลยทีเดียว
ผลประกอบการหุ้นในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ของบริษัทจดทะเบียนออกมากันครบแล้ว…น่าใจหายเลยทีเดียว
ตัวเลขการขาดทุน (ตามตาราง) ของสื่อที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ระดับหัวแถวของประเทศไทย สะท้อนทิศทางที่ชัดเจนว่าเหตุใดถึงเรียกว่า เข้าสู่ยุคถดถอยอย่างเลี่ยงไม่พ้น
สำหรับสาเหตุนั้น พูดกันมาเยอะแล้วว่า เพราะการเข้ามาของสื่อดิจิตอลทั้งหลายคือ การเปลี่ยนยุค และเปลี่ยนรสนิยมของผู้บริโภคสื่อ…ซึ่งพูดอีกก็ถูกอีก เพราะมันได้เกิดเหตุมาแล้วนั่นเอง
สื่อสิ่งพิมพ์ ถูกเรียกว่า “สื่อเก่า” ที่กำลังเสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็วจนยากจะควบคุมได้ เหตุเพราะความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสะดวกสบายน้อยกว่า และสำนึกขบถของผู้รับสื่อที่ต้องการอิสระบนความหลากหลาย ปราศจากการครอบงำมากขึ้น ซึ่งมีส่วนทำลายล้างธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ได้รุนแรง
สื่อที่หมดอำนาจในการกล่อม ย่อมไร้อิทธิพล และเมื่อไร้อิทธิพล ก็หมดพลังสั่งการหรือจูงใจคนอื่นๆ ไปด้วย
การเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์ในยามนี้ ได้แปรเปลี่ยนจากสถานภาพ “อาชีพอันทรงเกียรติ” ในฐานะ “ฐานันดร 4” มาเป็น “ทุกขลาภ” ของธุรกิจตะวันตกดินที่มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
เมื่อความเป็นอาชีพอันทรงเกียรติ จึงแปรสภาพเป็น “คำนิยามที่ฟุ่มเฟือย” โดยปริยาย…โดยเฉพาะอย่างยิ่งความหายนะที่เคยทำให้คนในอาชีพนี้กร่างยิ่งนักคือ “สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ” หรือ “เสรีภาพของสื่อ คือเสรีภาพของประชาชน” ที่ท่องกันซ้ำซากจำเจประหนึ่งประโยคอันศักดิ์สิทธิ์ …ทั้งที่เป็นแค่ประดิษฐกรรมที่เยินยอกันขึ้นมาเองเท่านั้น
“จิตวิญญาณของสื่อเสรี” ในแวดวงธุรกิจภายใต้กลไกทุนนิยม จึงเป็นเสียงเพรียกหาจิตวิญญาณที่ไม่เคยมีอยู่จริง แต่มีไว้อำพรางตน ทำนอง “ลาใส่เสื้อคลุมพญาราชสีห์” ธรรมดา เพราะในโลกธุรกิจนั้น หากปราศจากกำไร ก็แสดงว่าผู้บริหารธุรกิจสื่อนั้น ไร้ความสามารถที่จะสร้างความรุ่งเรืองให้องค์กร และหลอกลวงตนเองกับคนรอบข้างไปวันๆ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับเซียนเรียกพี่ เคยเตือนสติการลงทุนว่า “ถ้าต้องการกำไรในการลงทุน …อย่าซื้อหุ้นสายการบิน และสื่อทุกชนิด…เหตุเพราะธุรกิจนี้มีโอกาสขาดทุนมากกว่ากำไรเสมอ
ในอดีตที่ผ่านมา สื่อสิ่งพิมพ์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย สามารถฝ่าคำสาปของวอร์เรน บัฟเฟตต์มาได้ราบรื่น แม้จะมีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างต่ำ และราคาหุ้นไม่น่าสนใจ…เพิ่งจะมี 2 ปีมานี้แหละที่กำไรหล่นฮวบชนิด “ดิ่งเหว” เห็นแล้วชวนสยองยิ่งนัก
ปีนี้ สถานการณ์เลวร้ายหนักข้อกว่าเดิมชนิดกู่ไม่กลับ
บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ POST รายงานตัวเลขรายได้จากการขายและจากโฆษณาที่ลดลงของสื่อสิ่งพิมพ์ในเครืออย่าง Bangkok Post โพสต์ทูเดย์ นิตยสารของกลุ่ม และท้ายสุด…M2F …ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ผู้บริหารภูมิใจนำเสนอว่า หนังสือแจกฟรีริมถนนในที่ชุมชนของกรุงเทพฯ เป็นโมเดลธุรกิจ ”ต้นแบบแห่งอนาคต”…ลดลงไป 12.4%
รายได้ที่ลดลงนี้ แม้จะควบคุมต้นทุนเข้มงวดแค่ไหน ก็ไม่เป็นผลให้ตัวเลขขาดทุนกระเตื้องขึ้นได้
ค่ายเนชั่นในนามของบริษัทหลัก บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ก็รายงานตัวเลขรายได้ที่สดลง ทำให้รายได้ค่าโฆษณาลดลง 8% รายได้จากหนังสือเล่มลดลง 23% สวนทางกับรายได้จากการศึกษา และบริการขนส่ง ที่เพิ่มขึ้น 8%
ตัวเลขขาดทุนที่ทำให้ฐานะการเงินตกอยู่ในสภาพ “เลือดเข้าตา” ยามนี้ พญาสิงโตที่อวดอ้างความหยิ่งผยองเป็นอาภรณ์คลุมร่างกาย จึงจำเป็นต้องขอยืมแนวทางใหม่ของสิงโตการ์ตูนอย่าง ซิมบ้า…ที่ถือหลัก “สิงโตกินหนอน” มาเป็นสรณะของชีวิต
ยามลำบากแบบนี้ ไม่ใช่เวลา “ตาดูดาว” แต่เป็นจังหวะเวลาของ “เท้าติดดิน”
ไม่แปลกใจเลยที่ ยามนี้ ผู้บริหารของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีเงินก้อนใหญ่สำหรับประชาสัมพันธ์องค์กรและผลิตภัณฑ์ทั้งหลายในเมืองไทย ภายใต้รัฐบาล ”คนดีสีตก” จึงเริ่มได้ยินเสียงทักทายทางโทรศัพท์ หรือช่องทางอื่นๆ อันไม่คุ้นหูจาก สุทธิชัย หยุ่น ผู้ซึ่งเป็นประธานเครือ NMG เบ็ดเสร็จ เพื่อขอนั่งจับเข่าสนทนาธรรม
ใครก็รู้ว่านี่ไม่ใช่นิสัยของคนชื่อสุทธิชัย หยุ่น ผู้ได้รับการยกย่องอย่างสูงว่า มือสะอาดเรี่ยมเร้ ไม่เคยแปดเปื้อนอามิสเพื่อ “เชียร์แขก” จากใครหน้าไหนใน 3 โลก ผู้ซึ่งได้รับใบการันตีคุณภาพจาก ว. วชิรเมธี พระนักเทศน์คารมฉมังแห่งเชียงแสนมาแล้ว ว่า ”เมื่อเห็นหน้าคุณโยมสุทธิชัย พระอาจารย์พูดได้เลยว่าสามารถฝากความหวังได้ โดยเฉพาะคำพูด ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา”
ก่อนหน้าจะถึงวันเวลานี้ โจษจันกันในวงการนักประชาสัมพันธ์องค์กรที่ต้องการซื้อสื่อ ว่า ท่านพี่ สุทธิชัย หยุ่น นั้น “พบยาก” …ยากกว่าขอพบ เจ้าสำนักบู้ตึ๊ง เตียซำฮง เจ้าของคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น…ในตำนาน หลายสิบเท่า เป็นที่เลื่องลือ
มาวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยน พฤติกรรมผู้คนก็เปลี่ยน…สุทธิชัย หยุ่น สามารถปลีกเวลาว่างอันมีค่ายิ่งในอดีตที่จะพบกับผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ ที่ยินยอมพบปะสนทนาธรรมว่าด้วย “การลงโฆษณา” (ในนามอื่น เช่น การสื่อสารองค์กร หรือการทำ CSR หรือ ฯลฯ …สุดแท้แต่จะประดิษฐ์วาทกรรมกันว่าอย่างไร) เสมอๆๆๆ
งานนี้ คนวงในของนักประชาสัมพันธ์ และผู้บริหารองค์กรใหญ่พากัน ขนแขนสแตนด์อัพ กันเป็นแถบ เพราะการสนทนาธรรมกับผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายของยุคสมัยอย่าง สุทธิชัย หยุ่นนั้น ไม่ธรรมดาทีเดียว
เผลอ…เผลอ…เจอฤทธิ์คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพี่ท่านแล้ว…จะสยบยอม “ซื้อสื่อ” อย่างเซื่องๆ ให้กับผู้เคร่งธรรมาภิบาลน่ะสิ…ถามได้?
เพราะยามนี้ ท่านพี่หยุ่น…ว่างตลอดเวลา ขอให้นัดมา...ละกัน (คร้าบบบบบ)
อิ อิ อิ