ผิดที่ผิดทาง แต่ก็กำไรแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่เอี่ยมอ่อง แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องของการสร้างกำไรพิเศษจากธุรกิจนอกแผนธุรกิจเดิม โดยที่เมื่อวานนี้ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ได้ทำตามขั้นตอน ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอนำบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ IFEC ถือหุ้น 100% ออกจากการฟื้นฟูกิจการหลังจากได้ดำเนินการตามแผน
ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่เอี่ยมอ่อง แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องของการสร้างกำไรพิเศษจากธุรกิจนอกแผนธุรกิจเดิม โดยที่เมื่อวานนี้ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ได้ทำตามขั้นตอน ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอนำบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ IFEC ถือหุ้น 100% ออกจากการฟื้นฟูกิจการหลังจากได้ดำเนินการตามแผน
หากขั้นตอนนี้ลุล่วงด้วยดี ศาลล้มละลายกลางไม่ขัดข้อง และอนุมัติให้ออกจากแผนฟื้นฟูได้ การบันทึกรายได้พิเศษ และกำไรพิเศษของ IFEC ในไตรมาส 3 จะอู้ฟู่โดดเด่นมากเป็นพิเศษแบบ “กระต่ายเต้น” ..ไม่ต่ำเตี้ยให้น่าเสียวไส้จากรายได้และกำไรปกติที่น้อยนิดแบบ “เต่าคลาน” ที่ไม่ทันใจนักลงทุน
แถมตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้ (ดูตารางประกอบ) ยังเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนไม่น้อยเลยว่า ธุรกิจไฟฟ้าที่เคยทำให้ราคาหุ้น IFEC ที่เคยทะยานปานจรวดเกาหลีเหนือเมื่อปี 2558 นั้น อาจจะเป็นแค่ “หลุมดำ” ของการลงทุนก็ได้ หากไม่ระวังให้ดี
ตามแผนธุรกิจของการเข้าซื้อโรงแรมดาราเทวี โรงแรมระดับ 5 ดาวที่เชียงใหม่ จากเจ้าของเดิมที่มีหนี้ท่วมหัว แม้จะมีกำไร แต่ก็ไล่ไม่ทันดอกเบี้ยเงินกู้ การออกจากแผนฟื้นฟูคือความสำเร็จที่คลี่คลายปัญหาเก่าให้หมดไป และกลายเป็นกระดานหกสำคัญสำหรับ IFEC อย่างมีนัยสำคัญ
ก่อนการยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางวานนี้ IFEC ได้จัดการทุกอย่างตามขั้นตอน โดยในวันที่ 6 มิถุนายน บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้ชำระหนี้จำนวน 300 ล้านบาทให้เจ้าหนี้ที่เหลือ คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์โกลบอลวันแล้ว เป็นไปตามเงื่อนไข ที่ทำให้โรงแรมดาราเทวีสามารถพ้นการฟื้นฟูกิจการได้
หลังการชำระหนี้ดังกล่าว บริษัทจะเหลือหนี้คงค้างอีก 650 ล้านบาท มีกำหนดการชำระภายในสิ้นปี 2559 นี้ทั้งหมด
หากศาลล้มละลายกลางยอมรับและอนุมัติให้ออกจากแผนฟื้นฟูได้ จะถือเป็นความสำเร็จของ IFEC หลังจากได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวีพร้อมหนี้สินส่วนหนึ่งมาในปลายปี 2558 ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท ท่ามกลางหนี้สินทั้งสิ้นกว่า 5,000 ล้านบาท โดยมีการลดหนี้เหลือประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้วในปีที่ผ่านมา และจะบันทึกกำไรเพิ่มเติมอีกในปีนี้
ความสำเร็จที่ว่าคือ หลังออกจากแผนฟื้นฟู โรงแรมดาราเทวีจะให้ผลตอบแทนกลับสู่ผู้ถือหุ้นของ IFEC ทันทีโดยบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้หลายร้อยล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 หลังจากนั้นในไตรมาส 3 บริษัทจะดำเนินการขายที่ดินจำนวน 40 ไร่ มูลค่า 625 ล้านบาท ให้กับบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินโครงการหรู 5,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีการขายเรสซิเดนซ์ วิลล่าหรู จำนวน 14 หลังในโครงการดาราเทวีอีกมูลค่า 760 ล้านบาท
รวมมูลค่าที่บริษัทจะได้จากการขายสินทรัพย์บางส่วนของดาราเทวี จำนวน 1,385 ล้านบาท
ปฏิบัติการเข้าซื้อโรงแรมดาราเทวีนี้ ถือว่าเป็นปฏิบัติการ “หักข้อศอก 90 องศา” ของ IFEC ภายใต้การนำของหมอวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ และพวก ชนิดนักลงทุนพากันถึงกับ “อึ้งกิมกี่” กันเป็นแถบเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถึงขั้นขายหุ้นทิ้งกันระนาว….กว่าจะเข้าใจและทำใจได้ก็นานหลายเดือน
เหตุผลก็คือนักลงทุนฟังแล้วขัดหูอย่างมากกับปฏิบัติการลงทุนแล้ว ย้ายหนี้ของดาราเทวี มาให้ IFEC แบกเอาไว้แทน …จนกระทั่งต้องมานั่งสาธยายกันว่า แบกไว้ไม่นาน…ซึ่งก็คงจริงเพราะมีแผนงานรองรับดีพอสมควร
แผนงานที่ว่าเป็นวิศวกรรมการเงินล้วนๆ คือ
– IFEC จะขายหุ้นส่วนหนึ่งที่ถือในโรงแรมดาราเทวี 5-10% รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท เตรียมฐานทุนที่จะกลับเข้ามายัง IFEC เพื่อที่จะเดินหน้ารุกโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกที่เป็นรายได้หลัก
– แต่งตัวปรับโครงสร้างบริษัทโรงแรมดาราเทวี เป็น “โฮลดิ้ง” เพื่อขยายธุรกิจอย่างเป็นระบบ ซึ่งการดำเนินธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร่วมทุนพัฒนาโครงการหรู ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจสปา และธุรกิจการบริหารแบรนด์โรงแรม ก่อนที่จะนำโรงแรมดาราเทวี เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
– IFEC เข้าซื้อที่ดินเปล่าบริเวณข้างโรงแรมดาราเทวี จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 156 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจสังหาริมทรัพย์และบริการ โดยนำที่ดินใหม่มารวมกับที่ดินเปล่าเดิม เพื่อร่วมทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
เพื่อที่จะตอกย้ำว่า งานนี้ไม่ได้มาเล่นๆ…ผู้บริหารของ IFEC ประสานงานนักวิเคราะห์ต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุด มีมุมมองนักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มเปลี่ยนไปทางบวก บอกว่าอนาคตของราคาหุ้น IFEC จะต้องที่ระดับ 13.70 บาท …ก็เป้าหมายเดิมต้นปี 2558 นั่นแหละ
เหตุผลที่นักวิเคราะห์เอามาอ้างกันล้วนแต่ข้อดีทั้งนั้น…ทั้งกำไรจากรายได้หลักคือไฟฟ้า ที่มี PPA แล้ว 141 MW
ตามมาด้วยดีลซื้อกิจการ และ สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ต่างประเทศ แล้วก็…กำไรพิเศษ
เพียงแต่ว่ายามนี้ กำไรพิเศษจะนำหน้ากำไรปกติก่อน..ผิดที่ผิดทางไปนิด ก็ยังเป็นกำไรอยู่ดี
อิ อิ อิ