ตีปี๊บสู้ ‘ขาลง’ทายท้าวิชามาร

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดีอกดีใจว่าธนาคารโลกปรับประมาณการจีดีพีไทยจาก 2 เป็น 2.5% เป็นบวกประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ ทั้งที่ยังต่ำกว่าจีดีพีปีที่แล้ว 2.8% และต่ำกว่าที่รัฐบาลวาดฝันไว้ 3.3%


ใบตองแห้ง

 

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดีอกดีใจว่าธนาคารโลกปรับประมาณการจีดีพีไทยจาก 2 เป็น 2.5% เป็นบวกประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ ทั้งที่ยังต่ำกว่าจีดีพีปีที่แล้ว 2.8% และต่ำกว่าที่รัฐบาลวาดฝันไว้ 3.3%

ข้อสำคัญ ที่ว่าเวิลด์แบงก์ปรับไทยเป็นบวกประเทศเดียว จริงสิครับ ปรับจาก 2 เป็น 2.5 ขณะที่พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์  คงที่คือ 7.8, 6.9 และ 6.4 มาเลเซีย อินโดฯ เวียดนาม ลดเป็น 4.4, 5.1 และ 6.2 ตามลำดับ

นี่ก็เหมือนกับดีอกดีใจว่าอันดับการแข่งขันของไทยขยับจาก 30 เป็น 28 ทั้งที่ก่อนรัฐประหารอยู่อันดับ 27

โฆษกไก่อูแถลงว่านายกฯ ปลื้มที่องค์การอนามัยโลกยกย่องประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย ประเทศที่ 2 ของโลกถัดจากคิวบา ที่สามารถหยุดยั้งการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกอย่างได้ผล จากปี 2543 ที่มีทารกติดเชื้อ 1 พันคนลดลงเหลือ 58 คนในปี 2558 เพราะรัฐบาลได้สานต่อแนวทางการตรวจคัดกรองและ “รักษาพยาบาลฟรีถ้วนหน้า” แก่หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี

ฟังแล้วหัวเราะเลย นี่ผลงานใคร ถ้าไม่ใช่นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคหรือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2545

อลงกรณ์ พลบุตร ยังเอามาคุยว่านี่ไงผลงานปฏิรูปประเทศไทย การจัดอันดับต่างๆ ดีขึ้น รวมทั้ง กทม.เป็นแชมป์นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกแซงมหานครลอนดอน (ทัวร์จีนบุกมากกว่าลอนดอนร้อยเท่า) ไม่คุยซะด้วยละครับว่ารัฐบาล คสช.ทำให้ทีมชาติไทยเข้ารอบคัดบอลโลก ทำให้น้องเมย์ได้มือ 1 โลก ทำให้โปรเมได้ 3 แชมป์

นายกฯ ก็เพิ่งพูดออกทีวีว่า 2 ปีออกกฎหมาย 172 ฉบับ มากกว่ารัฐบาลเลือกตั้ง 7 ปีออกได้แค่ 120 ฉบับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดถูกว่าออกกฎหมายเยอะใช่จะดี กฎหมายยุคนี้มาจากระบบราชการ ผ่าน ครม. แล้วก็ผ่าน สนช.ที่มีข้าราชการเกินครึ่งแบบ 3 วาระรวด ไม่ฟังสังคมไม่มีคนค้าน บางฉบับอาจจะดี แต่บางฉบับก็สุดโต่ง เพิ่มอำนาจระบบราชการและสร้างภาระให้สังคม

อ้าว ก็เช่นกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ฆ่าหมาติดคุก แต่ปล่อยหมาเพ่นพ่านขี้หน้าบ้านใครก็ได้ กฎหมายบังคับยามจบ ม.3 เพิ่มอำนาจสถานีตำรวจออกใบอนุญาตบริษัทยาม กฎหมายกำลังพลสำรอง ที่เรียกคนไปฝึกโดยบังคับให้นายจ้างต้องรับภาระ

รัฐบาล คสช.กำลังพยายามอวดอ้างบุญคุณต่อประชาชน หลังถูกวิจารณ์ว่า 2 ปีไม่มีผลงาน ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้ปฏิรูปอะไรนอกจากจัดระเบียบ กระชับอำนาจรัฐทหารรัฐราชการ เศรษฐกิจไตรมาสแรกที่ว่าดีขึ้น ก็มาจากการอัดฉีดและลงทุนภาครัฐ แต่สมคิดก็ยอมรับว่าเอกชนไม่ลงทุน จนสภาพคล่องล้นแบงก์หวิดประกาศดอกเบี้ย 0% สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยต่ำสุดในรอบ 15 ปี พยายามจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเมกะโปรเจ็กต์ สุดท้ายก็แค่จะทำรถไฟความเร็วสูงไปโคราช ไปลพบุรี ในราคาที่แพงกว่ารัฐบาลเพื่อไทยโดยไร้เหตุผล

ทุกอย่างประดังในขณะที่อีก 2 เดือนจะลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเกิดคลื่นทั้งบนน้ำใต้น้ำ นักการเมืองกล้าท้าทายอย่างไม่กลัวน้ำร้อน สถานการณ์วันนี้ดูเหมือน คสช.กรธ.กกต. ที่ช่วยกันรณรงค์ “พูดข้อดี” เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครรู้ใจประชาชน และถ้ามีอะไรพลิกผัน นิดเดียวเท่านั้น ก็เข้าสู่ “ขาลง”

 

                                                                                                                ใบตองแห้ง

Back to top button