พาราสาวะถี อรชุน

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและไม่ใช่เรื่องน่าอาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเรียนรู้งานการเมืองและเข้าใจปฏิกิริยาของคนที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันได้ดี งานนี้จึงได้ยินท่านผู้นำสั่งการให้กกต.เปลี่ยนสถานที่ในการจัดเวทีชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้จากค่ายทหารไปเป็นที่อื่น


ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและไม่ใช่เรื่องน่าอาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเรียนรู้งานการเมืองและเข้าใจปฏิกิริยาของคนที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันได้ดี งานนี้จึงได้ยินท่านผู้นำสั่งการให้กกต.เปลี่ยนสถานที่ในการจัดเวทีชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้จากค่ายทหารไปเป็นที่อื่น

ต้องไม่ลืมว่าในขณะที่เสียงวิจารณ์อื้ออึงเรื่องการใช้กฎหมายปิดปากประชาชน ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ การจะสร้างบรรยากาศผ่อนคลายด้วยการเปิดเวทีให้มีการแสดงความคิดเห็น ดันไปจัดกันในค่ายทหาร นั่นย่อมสะท้อนภาพได้อย่างชัดเจนว่า ผู้มีอำนาจไม่มีความจริงใจที่จะจัดเวทีอย่างแท้จริง เท่ากับว่าสิ่งที่ทำกันมาเป็นเพียงแค่จัดฉากหวังผลเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ล่าสุด กกต.ได้ประกาศการย้ายสถานที่จัดงานจากค่ายกาวิละ ไปเป็นศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ โดยให้เหตุผลว่าหอประชุมในค่ายทหารคับแคบเกินไปกับจำนวนคนที่แสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วม ถูไถกันไปไม่ว่ากัน แต่ข้อเท็จจริงคนทั่วไปย่อมสัมผัสได้ ปุจฉาที่ตั้งไว้วันก่อนยังคงรอการพิสูจน์ที่เวทีแห่งนี้

การที่เวทีแรกซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแกนนำกปปส.ไปประกาศจะรับร่างรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีผลใดๆ ทางกฎหมายตามมา ถ้าเวทีที่เชียงใหม่หากมีใครลุกขึ้นประกาศแสดงความเห็นว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญบ้าง หวังว่ากกต.ในฐานะแม่งานใหญ่และฝ่ายความมั่นคง คงจะยึดมั่นในบรรทัดฐานที่ได้สร้างไว้แล้วในพื้นที่ภาคใต้

โดยเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ผลพวงอันมาจากเพลงรณรงค์ประชามติของกกต.ที่ถูกมองว่ามีเนื้อหาดูถูกคนภาคเหนือและอีสาน ถือเป็นโบว์ดำที่กกต.จะพากันปฏิเสธอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น ยิ่งวันวาน สมชัย ศรีสุทธิยากร ออกมายอมรับว่าได้มีการแก้ไขเนื้อหาของเพลงดังกล่าว ยิ่งเป็นใบเสร็จอย่างดีว่า งานนี้พลาดมหันต์ เพราะดันปล่อยให้อคติอยู่เหนือความถูกต้อง ชอบธรรม

ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นการเสียหน้าหรือเปล่า เนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าไล่เรียงกันตั้งแต่ ศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.ไปจนถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังยืนยันกระต่ายขาเดียวจะไม่แก้ไขเนื้อหาของเพลงดังกล่าว พร้อมๆ กับแสดงความเชื่อมั่นและย้ำในเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่ได้ดูถูกดูแคลนคนทั้งสองภาค ในเมื่อมันถูกต้องและเจตนาดีแล้วจะไปแก้ไขทำไม

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมอันย้อนแย้ง ส่วนรากที่มาของการปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดจากบทเพลงดังกล่าวนั้น ถ้าจะให้เดาคงเป็นเรื่องของฐานความคิดของผู้มีอำนาจในกกต.ที่สะท้อนภาวะความไม่เป็นกลาง การมองคนและตัดสินคนด้วยฐานะและการศึกษาที่แตกต่างกัน ทัศนคติเช่นนี้ไม่แตกต่างจากพวกด๊อกเตอร์ด๊อกแต๋วที่เคยดูแคลนเรื่องเสียงของคนต่างจังหวัดไม่มีคุณภาพเท่าเสียงของคนกรุงเทพฯนั่นเอง

เป็นเจตนาที่ตบหน้าพวกเดียวกันเองหรือเปล่า จากการที่เมื่อวานเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 28/2559 เรื่องให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เป็นการให้เรียนฟรีตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงชั้นม. 6 แสดงว่าที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ พร้อมคณะกรธ.ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ได้ตัดสิทธิ์เรียนฟรีตรงนี้แสดงว่าโกหกหรือไม่

เพราะในเมื่อหากมีและมองไม่เห็นว่านั่นเป็นช่องโหว่หรือความผิดพลาดหัวหน้าคสช.ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 มาออกกฎหมายในลักษณะเช่นนี้ ส่วนที่ว่าเป็นการทับซ้อนกับร่างรัฐธรรมนูญหรือเปล่า วิษณุ เครืองาม ยืนยันแล้วว่า ไม่ทับซ้อนพร้อมกับอธิบายอย่างช่ำชองในฐานะเนติบริกร ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้เรียนฟรีตามการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี แต่ทำเกินจากนั้นได้

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น สิ่งที่คนอยากรู้ก็คือแล้วทำไมกรธ.จึงยืนกระต่ายขาเดียวมาโดยตลอด มิหนำซ้ำ ยังไปเที่ยวกล่าวหาและดูแคลนกลุ่มที่เรียกร้องในเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะบรรดาเด็กนักเรียนที่ไปชูป้ายถามมีชัยว่าไม่มีความรู้ไม่เข้าใจในเนื้อหาที่พวกตนยกร่างอย่าได้สะเออะมาวิจารณ์ การใช้มาตรา 44 ต่อกรณีนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ชัดเจนว่า ใครกันแน่ที่แถจนสีข้างถลอกปอกเปิก

ก่อนที่จะมีประกาศใช้มาตรา 44 ในกรณีนี้วันเดียว กมลพรรณ ชีวะพันธุ์ศรี คนที่ถือว่าเป็นพวกเดียวกันกับผู้มีอำนาจก็เพิ่งแสดงความเห็นในเชิงตั้งคำถามว่า ในมาตรา 54 ให้รัฐจัดการศึกษาฟรี 12 ปีถึงม.3 ซึ่งในความเป็นจริงโรงเรียนบางแห่งทุกวันนี้ยังเก็บค่าเทอมอยู่ ถึงรัฐบาลจะบอกว่าเรียนฟรีแต่มันมีรัฐธรรมนูญรับรอง ต่อไปในอนาคตถ้าไม่เรียนฟรีจะเกิดอะไรขึ้น ค่าครูค่าหนังสือ ค่าอาคาร ทั้งหมดจะเก็บเพิ่มขึ้น เพดานเท่าไหร่ก็ไม่มีจำกัด

ในฐานะอดีตผู้ปกครองที่คร่ำหวอดต่อการเรียกร้องในเรื่องเหล่านี้ต้องยกให้เธอ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคือ กมลพรรณตั้งข้อสังเกตเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นการตรากฎหมายตรารัฐธรรมนูญ ขัดกับกติกาสากลและขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว คณะกรรมการร่างต้องร่างโดยยึดหลักที่ว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ แต่มาตรา 178 นี่มันคือการยกประเทศให้ใครก็ได้

ในที่นี้คงไม่ต้องขยายความว่าหมายถึงใคร ย่อมหนีไม่พ้นผู้มีอำนาจ โดยสิ่งที่ช่วยขยายผลความต้องการอย่างแท้จริงคือ คำถามพ่วงประชามติที่จะให้ส.ว.ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคสช.ทั้งหมด 250 คนร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เจตนามันชัดเสียยิ่งกว่าชัด ยังมีหน้ายกเรื่องการปฏิรูปมากล่าวอ้าง คงคิดว่าคนส่วนใหญ่กินหญ้ากันหรืออย่างไร

นาทีนี้ไม่ต้องพูดถึงบรรทัดฐานหรือความเท่าเทียม ยุติธรรม วันวานกลุ่มพลเมืองโต้กลับไปจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตพลเมืองตีเข่าที่อาคารบี ศูนย์ราชการอันเป็นที่ตั้งของกกต.ปรากฏว่ามีม็อบจัดตั้งซึ่งก็รู้ว่าเป็นพวกไหน ไล่ต้อนไม่ให้ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ที่ถูกตร.เชิญตัวไปพูดคุยด้านในอาคารออกมาร่วมกิจกรรมกับพรรคพวกได้

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นผู้กำกับการสน.ทุ่งสองห้องเพิ่งประกาศห้ามจัดกิจกรรมหรือการชุมนุมใดๆ แต่กลับปล่อยให้ม็อบจัดตั้งมากระทำเช่นนี้ได้ จะอ้างกำลังเจ้าหน้าที่น้อยหรืออย่างไรคงฟังไม่ขึ้น และเมื่อมองจากจุดนี้ยิ่งริบหรี่ลงเรื่อยๆ เรื่องความหวังในการสร้างความปรองดอง ตราบใดที่ฝ่ายถืออำนาจยังทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งและมีอคติกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เลิกคิดไปได้เลยเรื่องการสร้างความสามัคคี

Back to top button