วิตกจริต!โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้ไม่มีคำบรรยายไหนเข้ากับตลาดหุ้นไทยได้ดีเท่ากับคำว่า “ยับเยิน” เพราะแสดงให้เห็นถึงอาการของดัชนีได้ดีสุด และยังสะท้อนถึงสภาพพอร์ตลงทุนเสียหายขนาดไหน “โมนิก้า” จึงขอยืนสงบนิ่งเป็นการชั่วคราว พร้อมกับขอขึ้นข้อความว่า RIP เพื่อรำลึกอดีตอันแสนหวานได้จากไปแล้ว และต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องราวชวนขนหัวลุกเกิดขึ้นอีกครั้งไม่เว้นในแต่ละวันเจ้าค่ะ
*วันนี้ไม่มีคำบรรยายไหนเข้ากับตลาดหุ้นไทยได้ดีเท่ากับคำว่า “ยับเยิน” เพราะแสดงให้เห็นถึงอาการของดัชนีได้ดีสุด และยังสะท้อนถึงสภาพพอร์ตลงทุนเสียหายขนาดไหน “โมนิก้า” จึงขอยืนสงบนิ่งเป็นการชั่วคราว พร้อมกับขอขึ้นข้อความว่า RIP เพื่อรำลึกอดีตอันแสนหวานได้จากไปแล้ว และต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องราวชวนขนหัวลุกเกิดขึ้นอีกครั้งไม่เว้นในแต่ละวันเจ้าค่ะ
*โดยเฉพาะปัจจัยในต่างประเทศที่เป็นตัวเร่งให้นักลงทุนสถาบันเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศกลุ่มยุโรป และจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่า อังกฤษจะถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปหรือเปล่า? เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่บรรดากองทุนทั้งน้อยใหญ่เทขายหุ้นบลูชิพอย่างเอาเป็นเอาตายนะจะบอกให้
*เนื่องจากประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนเต็มๆ ซึ่งมีการตีความว่า หากอังกฤษถอนตัวออกจริงๆ ระบบการเงินทั่วโลกจะปั่นป่วนไปหมด และอาจทำให้ประเทศอื่นๆ ถอนตัวออกตามไปด้วย และเรื่องนี้จะมีความชัดเจนก็ต่อเมื่อถึงวันที่ 23 มิ.ย. เพราะจะเป็นวันลงประชามติว่า “อยู่” หรือ “ไม่อยู่” เดี๊ยนถึงเชื่อว่า ดัชนีจะแกว่งตัวผันผวนต่อไปอีกระยะหนึ่งนะคะ
*ที่สำคัญคือ ในจังหวะนี้คงเห็นการเทขายล็อตใหญ่ๆ ออกมาเป็นระลอก หลังจากดัชนีรูดทะลุเส้นแนวรับ 25 วัน ตรงบริเวณ 1,416 จุดลงมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะปิดตัวที่ระดับ 1,411.19 จุด ลบไป 23.70 จุด ด้วยมูลค่า 4.67 หมื่นล้านบาท มันสะท้อนถึงอาการวิตกจริตได้เกิดขึ้นอีกครั้ง จนกองทุนตัวแสบต้องสาดหุ้นออกมามากถึง 3.19 พันล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าก็ปล่อยของออกมา 1.22 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งขี้นกก็โยนทิ้งออกมาเป็นจำนวน 970 ล้านบาท ล้วนเป็นภาพที่เดี๊ยนพยายามย้ำเตือนเป็นประจำไงล่ะค่ะ
*สถานการณ์ในวันนี้ถึงไม่ธรรมดา และค่อนข้างเดาทางยากเหลือเกิน เพราะถ้ามองในแง่ของสัญญาณเทคนิคอย่างเต็มตัว แนวรับถัดไปอยู่ที่ระดับ 1,395 จุด หรือถ้าปรับลดค่าบางอย่างลงมาเล็กน้อย แนวรับที่พอจะอุ่นใจขึ้นมาบ้างนิดหนึ่งก็อยู่ที่ระดับ 1,400 จุด หรือจะมองเป็นภูเขา 3 ลูกขาลง วันนี้จะเป็นจังหวะของการเด้งขึ้นเพื่อทำภูเขายอดที่ 3 นะจะบอกให้
*พร้อมกันนี้หากมองข้อมูลพื้นฐานที่มีการอ้างอิงกันมาระยะหนึ่ง เป้าของดัชนีในปี 59 ยังอยู่ที่ระดับ 1,450 จุดเหมือนเดิมหรือเปล่า? “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเหนื่อยใจทุกครั้งที่กองทุนตัวแสบสาดหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะปากก็พร่ำบอกหุ้นไทยดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ สุดท้ายกลายเป็นตัวนำขายหนักๆ เป็นประจำแบบนี้ มันน่าเอือมระอาขนาดไหน? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ
*อาการหนักสุดน่าจะเป็นในรายของ ADVANC โดนกระหน่ำเทขายหุ้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนลงมาปิดที่ 156 บาท ลบไป 6.50 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.40 พันล้านบาท แถมเป็นการปิดที่จุดต่ำสุดของวัน “โมนิก้า” ถือเป็นลางร้ายที่นักลงทุนต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะมันหมายความว่า ไม่มีใครเข้ามารับหุ้น จึงปล่อยให้หุ้นร่วงต่อไปอย่างไม่มีกำหนดน่ะสิ
*เช่นเดียวกับในรายของ CPF พยายามจะวิ่งฝ่าแนวต้าน 30 บาทมาระยะหนึ่ง พอทำไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจ ก็อ่อนตัวลงมาเรื่อยๆ แต่ยังยังเกาะเส้นแนวรับ 25 วันที่บริเวณ 28.25 บาท จู่ๆ วานนี้โดนสาดเปรี้ยงเดียว หุ้นลงมายืนอยู่ที่ 27 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่า 930 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงกับต้องหันหลังไปดูเส้นแนวรับ 75 วันที่บริเวณ 25 บาทในทันทีว่า จะเอาอยู่ไหม? ในเมื่อนักเล่นใหญ่ๆ เกิดอาการฝ่อกันถ้วนหน้าน่ะสิ
*PLANB ก็เป็นหุ้นอีกหนึ่งรายที่สุดแสนจะชอกช้ำระกำใจ จากที่เคยเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ พอมาถึงวันนี้ดันกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ ราคาหุ้นในกระดานร่วง 5 วันติด จนมองไม่เห็นจุดเด้งขึ้นอย่างแข็งแกร่งแบบนี้ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ไปถามพวกกองทุนว่าถืออยู่ครบไหม? โดยเฉพาะในรายของตราดอกบัว ถือเป็นเคสที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะลำพังรายย่อยไม่มีพลังเท่านี้หรอก! ล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ 5 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท…สงครามคงไม่จบแค่นี้มั้งตัวเอง
*ส่วนหุ้นน้องใหม่อย่าง NETBAY “โมนิก้า” ไม่อยากจะพูดถึงสักเท่าไหร่! เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า มาด้วยเกมหุ้นอย่างเต็มตัว หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 11.30 บาท บวกไป 7.30 บาท หรือขึ้นไป 182.50% ด้วยมูลค่า 2.65 พันล้านบาท ซึ่งมีปริมาณหุ้นที่เทรดทั้งสิ้น 253 ล้านหุ้น ทั้งที่ช่วงขาย IPO ในราคาหุ้นละ 4 บาท มีหุ้นออกมาขายแค่ 40 ล้านหุ้น เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า DAII ก็เคยขึ้นไปถึง 12.70 บาท แต่หลังจากนั้นรูดลงมาเรื่อยๆ จนวานนี้เหลือแค่ 3.78 บาท มันอีหรอบเดียวกันหรือเปล่า?