หุ้นเครื่องสำอางนึกถึง KAMART

ธุรกิจเครื่องสำอางและความงามเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตและขยายอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยการบริโภคเครื่องสำอางในปัจจุบันคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะคนในยุคปัจจุบันทั้งเพศชาย เพศหญิง และทุกๆ ช่วงวัย ต่างให้ความสนใจใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม และผิวพรรณ รวมทั้งการดูแลตัวเองมากขึ้น มีความต้องการอยากให้ตัวเองดูดีขึ้น


–คุณค่าบริษัท–

 

ธุรกิจเครื่องสำอางและความงามเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตและขยายอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยการบริโภคเครื่องสำอางในปัจจุบันคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะคนในยุคปัจจุบันทั้งเพศชาย เพศหญิง และทุกๆ ช่วงวัย ต่างให้ความสนใจใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม และผิวพรรณ รวมทั้งการดูแลตัวเองมากขึ้น มีความต้องการอยากให้ตัวเองดูดีขึ้น

ผลพ่วงที่ตามมา คือ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART คงรับอานิสงส์โดยตรง เพราะถ้าพูดถึงเครื่องสำอาง ทุกคนจะนึกถึงคาร์มาร์ทเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง, กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และผิวกาย, กลุ่มอุปกรณ์ความงาม, กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และอื่นๆ

ทั้งนี้ทำให้แนวโน้มการเติบโตของบริษัทจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ด้วยแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จัก ประกอบกับบริษัทมีช่องทางการจำหน่ายจำนวนมาก รวมทั้งบริษัทเองก็พัฒนาและนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วย ซึ่งจะทำให้ยอดขายและกำไรขยายตัวได้ดีขึ้น และผลประกอบการจะมีเสถียรภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 150-200 รายการและอาจจะเพิ่มแบรนด์ใหม่อีก 1-2 แบรนด์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่และเพิ่มโอกาสในการขยายส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้น สำหรับในต่างประเทศ ปัจจุบันมีสาขาของตนเองทั้งหมด 12 สาขา และขายสินค้าใน Modern Trade 3 ประเทศ (มาเลเซีย, กัมพูชา และลาว) บริษัทมีแผนขายจุดจำหน่ายใน Modern Trade ต่างประเทศมากขึ้นในปี 59 เช่น ร้านวัตสันในมาเลเซีย สิงคโปร์, ร้านการ์เดียนและอิออนในเวียดนาม, ร้านซิตี้มาร์ทในเมียนมาร์ เป็นต้น

ผลดังกล่าวทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ และเติบโตได้ต่อเนื่องปีต่อไป

ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 338.00 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 300.03 ล้านบาท ผลจากบริษัทฯ มีการขายสินค้าประเภทเครื่องสำอางและสินค้าอปโภคมากขึ้น รายได้จากการให้บริการเดินรถโดยสารประจำทา เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 68.31 ล้านบาท หรือ 0.104 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 41.43 ล้านบาท หรือ 0.063 บาทต่อหุ้น

ส่วนสิ่งที่ยังคงดีอยู่ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังดูดี เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 662.30 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 288.24 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 2.30 เท่า แสดงว่า บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินมากสมพอควร

ขณะที่ปัญหาหนี้สินไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 345.75 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 784.20 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.44 เท่า ถือว่า บริษัทปลอดจากปัญหาหนี้สินจริงๆ และยังมีโอกาสกู้เงินมาขยับขยายกิจการได้อีก

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 59 เท่ากับ 9 บาท และคาดการณ์อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่ 3%

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล 152,162,709 หุ้น 23.07%

2.UBS AG SINGAPORE BRANCH 40,774,800 หุ้น 6.18%

3.นายพลกฤต ทีฆคีรีกุล 29,920,000 หุ้น 4.54%

4.น.ส.วรมน ทีฆคีรีกุล 26,950,000 หุ้น 4.09%

5.นางวนิดา แซ่จิว 25,288,500 หุ้น 3.83%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ประธานคณะกรรมการ

2.นาย วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ประธานกรรมการบริหาร

3.นาย ไกรวิทย์ สัตยภิวัฒน์ กรรมการ

4.นาย เซียะ ซิน ลู กรรมการ

5.นาย พริษฐ์ ทีฆคีรีกุล กรรมการ

Back to top button