JAS หลุด SET50..?ลูบคมตลาดทุน
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่งจะมีการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่จะใช้คำนวณดัชนี SET50 , SET100 และ SETHD
ธนะชัย ณ นคร
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่งจะมีการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่จะใช้คำนวณดัชนี SET50 , SET100 และ SETHD
หุ้นทั้งหมดนี้ จะมีผลในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2559 (1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 59)
หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน SET50 อย่างที่รับทราบกันไปแล้ว คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (KCE) และบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS)
กรณีของ MTLS เดิมนั้นจะเข้าตั้งแต่รอบก่อนหน้านี้
ทว่า กลับไปติดปัญหาในเรื่องของฟรีโฟลตที่ไม่ถึง 20% โดยขณะนั้น มีอยู่ประมาณ 19% ขาดไปนิดเดียว
พอมารอบนี้ก็เข้าเกณฑ์ และส่งผลให้ราคาหุ้นวานนี้ทะยานขึ้นไป +0.80 บาท ปิดที่ 19.90 บาท เปลี่ยนแปลง 4.19% สูงสุดในรอบ 6 วันทำการ หลังลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ หุ้นตัวที่ถูกนำออกมาจาก SET50 จำนวน 4 ตัว
4 ตัวที่ว่านั้นประกอบด้วย ITD : บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), M : บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ SCCC : บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
และสุดท้าย คือ JAS : บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
หุ้น 4 ตัวที่ว่านั้น มีเพียงตัวเดียวหลังจากหลุด SET50 แต่ยังได้อยู่ต่อใน SET100 ก็คือ ITD
ส่วนหุ้นอีก 3 ตัว ทั้ง M, SCCC และ JAS ต่างไม่ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET100
กรณีของหุ้น JAS มีคำถามกันเข้ามาค่อนข้ามากเลย
เพราะไม่เพียงหลุด SET50 แต่ยังไม่ติด SET100 ด้วยนี่สิ ถือว่ามีนัยสำคัญพอสมควร
ที่นี้เรามาดูเงื่อนไขของหุ้นที่จะเข้าคำนวณใน SET 50 และ SET100 กัน
เริ่มจาก เช่น ในรอบล่าสุดที่จะมีผล 1 กรกฎาคม–31 ธันวาคม 2559 เขาก็จะใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆ ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2558–31 พฤษภาคม 2559
หลังจากนั้น ก็มาดูเกณฑ์การคัดเลือกกัน
เช่น เป็นหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน
นอกจากนั้น ก็ยังมีหลักเกณฑ์อื่นๆ อีก คือ ไม่ได้เป็นหุ้นที่อาจถูกเพิกถอน
หรือ เป็นหุ้นที่ถูกพักการซื้อขาย (SP) เป็นระยะเวลานาน
หรือ มีแนวโน้มถูกพักการซื้อขายเป็นเวลานาน
นอกจากนั้น เป็นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป สูงสุด 200 อันดับแรก ซึ่งเกณฑ์นี้ จริงๆ แล้วเกณฑ์ที่ว่านี้ เขาก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มอีก แต่ขอข้ามแล้วกัน
อีกเกณฑ์ คือ สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือฟรีโฟลตต้องไม่น้อยกว่า 20% ของทุนชำระแล้ว
และมาถึงข้อสำคัญ และทำให้หุ้น JAS หลุดจาก SET50 และไม่เข้า SET100 ด้วย
นั่นคือ จะต้องเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสม่ำเสมอตามสภาพปกติของตลาด โดยมูลค่าซื้อขายของหุ้นนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50% ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญทั้งตลาดในเดือนเดียวกัน เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน
หรือไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 สำหรับหลักทรัพย์ที่จะเข้าซื้อขายน้อยกว่า 12 เดือน แต่มากกว่า 6 เดือน
ทั้งนี้ กรณีหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกตามเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงรายชื่อหลักทรัพย์ระหว่างรอบ มูลค่าซื้อขายของหลักทรัพย์นั้นต้องผ่านเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของระยะเวลาที่หลักทรัพย์เข้าซื้อขาย
จะเห็นว่า รอบการคำนวณหุ้นของ JAS ที่หลุด SET50 และไม่เข้า SET100 เป็นช่วงที่ราคาหุ้น JAS กำลังทรงกับทรุด
เริ่มจากราคาที่หลุดมาจากแถวๆ 8–9 บาท ในช่วงเดือนเมษายน 2558
และมาอยู่ราวๆ 6 บาท ในช่วงเดือนมิถุนายน 2558
หลังจากนั้น ราคาหุ้น JAS ก็เคลื่อนไหวอยู่แถว 5–6 บาท อยู่หลายเดือน ก่อนจะร่วงลงมาแป้กอยู่ราวๆ 3 บาท ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2558
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาได้ลงมาอยู่ 2 บาท ปลายๆ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559
ราคาของหุ้น JAS อยู่ 2–3 บาทกว่า อยู่หลายเดือน
นั่งเทรดกันเหงาเลย
และก่อนที่จะค่อยๆ ขยับขึ้นมาในช่วงหลังสิ้นเดือนมีนาคม 2559 นี้เอง การซื้อขายคึกคักขึ้น
แน่นอนว่า หุ้นที่หลุดจาก SET50 และ SET100 นักลงทุนต่างชาติ หรือกองทุนบางประเภท จะไม่ลงทุนเพราะไม่เข้าเงื่อนไขของเขา และอาจมีการขายออกมา
ส่วนหุ้น JAS นั้น เท่าที่คุยกับนักวิเคราะห์หลายคน ต่างบอกว่าไม่กระทบอะไรมาก
เพราะ JAS ไม่ได้มีต่างชาติถืออยู่เยอะ หรือเป็นเป้าหมายของกองทุนก่อนหน้านี้
และพื้นฐานของ JAS ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร และประเมินว่าการเติบโตทางธุรกิจยังเหมือนเดิม ราคาเป้าหมายที่เพิ่มขยับขึ้นมา ก็ยังเป็นไปตามนั้น
และเชื่อว่า SET50–SET100 ในรอบครึ่งปีแรก 2560
มีโอกาสสูงที่ JAS จะกลับเข้ามาติด SET 50 เหมือนเดิม หรืออย่างน้อยก็ SET100 ล่ะ