หลักกู-หลักเกณฑ์พลวัต 2016
การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนในบัญชี SET50 และ SET100 ล่าสุดครึ่งหลังของปีนี้ มีคำถามตามมาว่า ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯกินยาผิดซองหรืออย่างไร เพราะบริษัทหลายรายที่ถูกคาดหมายว่าจะสามารถเข้าอยู่ในบัญชีตามคุณสมบัติที่กำหนดเอาไว้โดยตลาดเองตาม “หลักเกณฑ์การจัดทำดัชนีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ปรากฏล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2558 โดยฝ่ายพัฒนาธุรกิจตราสารหนี้และอื่นๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯเอง กลับไม่ติดอันดับ หรือร่วงหายจากบัญชีหน้าตาเฉย
วิษณุ โชลิตกุล
การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนในบัญชี SET50 และ SET100 ล่าสุดครึ่งหลังของปีนี้ มีคำถามตามมาว่า ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯกินยาผิดซองหรืออย่างไร เพราะบริษัทหลายรายที่ถูกคาดหมายว่าจะสามารถเข้าอยู่ในบัญชีตามคุณสมบัติที่กำหนดเอาไว้โดยตลาดเองตาม “หลักเกณฑ์การจัดทำดัชนีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ปรากฏล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2558 โดยฝ่ายพัฒนาธุรกิจตราสารหนี้และอื่นๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯเอง กลับไม่ติดอันดับ หรือร่วงหายจากบัญชีหน้าตาเฉย
ปล่อยให้บางบริษัทที่ไม่น่าจะมีคุณสมบัติลอยหน้าลอยตาเป็น “เด็กเส้น” หลุดเข้ามาแสดงพลังลึกลับให้ชวนฉงน กลายเป็นพฤติกรรมน่าสงสัยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังใช้หลักเกณฑ์ หรือ “หลักกู” ในการจัดอันดับกันแน่
ตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศเอาไว้ ระบุรายละเอียดดังต่อไปนี้ (ที่จะขอสรุปโดยย่นย่อ) ว่าหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายถูกคัดเลือกของดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เป็นหุ้นสามัญที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ยกเว้นกรณีหลักทรัพย์เข้าใหม่ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงรายชื่อหลักทรัพย์ระหว่างรอบ
2. ไม่เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่าย 1) อาจถูกเพิกถอนตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ 2) อยู่ระหว่างดำเนินการเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 3) ถูกสั่งพักการซื้อขาย (ขึ้นเครื่องหมาย SP) เป็นระยะเวลานาน 4) มีแนวโน้มที่จะถูกพักการซื้อขายเป็นระยะเวลานาน (เช่น 3 เดือน เนื่องจากไม่สามารถนำส่งงบการเงินได้ เป็นต้น) 5) เป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด 200 ลำดับแรก โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 3 เดือน
3. เป็นหลักทรัพย์ที่มีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว
4. เป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอตามสภาพปกติของตลาด โดยมูลค่าซื้อขายของหลักทรัพย์นั้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญทั้งตลาดในเดือนเดียวกัน เป็นเวลาไม่ต่ากว่า 9 ใน 12 เดือน หรือไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อขายน้อยกว่า 12 เดือน แต่มากกว่า 6 เดือน
5. กรณีหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกตามเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงรายชื่อหลักทรัพย์ระหว่างรอบ มูลค่าซื้อขายของหลักทรัพย์นั้นต้องผ่านเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของระยะเวลาที่หลักทรัพย์เข้าซื้อขาย
6. เป็นหลักทรัพย์ที่มีจำนวนหุ้นซื้อขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนของหลักทรัพย์นั้น ๆ
หากถือตามหลักเกณฑ์ข้างต้น จะเห็นได้ชัดว่ามีความผิดเพี้ยนในการจัดอันดับอย่างชวนให้ผิดสังเกตว่า มาตรฐานของการจัดอันดับมีลักษณะ “ใช้ดุลยพินิจ” หรือ “หลักกู” ค่อนข้างน่าเกลียดเป็นพิเศษ
กรณีบางบริษัทที่หลุดจากอันดับ SET 50 นั้น อาจจะไม่น่าประหลาดมากนัก (หลายบริษัทสมควรหลุดอยู่แล้ว) แต่บางบริษัทที่ได้เข้าอยู่ในอันดับใหม่ กลับชวนให้ตั้งคำถาม เพราะดูจากคุณสมบัติแล้วไม่สมควรที่จะมีเหนือกว่าบริษัทที่ถูกคาดหมายแต่หลุดอออกไป ด้วยสาเหตุอันไม่เปิดเผย และไม่มีการชี้แจงตามมา
ร้ายกว่านั้น บางบริษัทที่หลุดจากอันดับของ SET50 ไปแล้ว น่าจะไปติดอยู่ในอันดับของบริษัทใน SET100 แทน กลับปรากฏว่าไม่ติดอันดับ หายไปเสียดื้อๆ ผลลัพธ์คือ เราได้เห็นอันดับของบางบริษัทใน SET100 ที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำกว่าบริษัทที่ไม่มีรายชื่อในทั้ง SET50 และ SET100
ผู้บริหารบางบริษัทจดทะเบียนที่ถูกคาดหมายว่าจะได้รับการยกระดับเข้ามาจากการจัดอันดับครั้งนี้ แต่หลุดออกจากบัญชีไป ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่เข้าใจว่าบริษัทที่ตนเองนั่งบริหารอยู่มีข้อบกพร่องอะไรจากคุณสมบัติที่ตลาดฯกำหนดขึ้นมา
ร้ายไปกว่านั้น นักวิเคราะห์จำพวก “สู่รู้” บางราย พยายามออกมาอธิบายสร้างความชอบธรรมว่า บางบริษัทที่ไม่ถูกจัดเข้าในบัญชีทั้ง SET50 และ SET100 นั้น อาจจะมีปัญหาที่ขาดคุณสมบัติจากเกณฑ์ที่เขียนเอาไว้ซับซ้อนเป็นพิเศษ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ยิ่งเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่
ตราบใดที่ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่สามารถออกมาชี้แจงเพื่อให้กระจ่างชัดว่าเกณฑ์อะไรที่ทำให้บางบริษัทได้เข้ามาในบัญชี และบางบริษัทหลุดออกไป คำถามเรื่องหลักเกณฑ์ หรือ หลักกู จะยังคงอยู่ต่อไป จนกว่าจะถึงรอบใหม่ของจากการจัดอันดับในอีก 6 เดือนข้างหน้า