เลิกกลัว?โมนิก้าและทีมงาน

*ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับข่าวได้เสียทีไร มักเห็นดัชนีแกว่งตัวลงก่อนเป็นประจำ ต่อจากนั้นถึงจะเด้งขึ้นเมื่อข่าวดังกล่าวมีแนวโน้มเป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้สถานการณ์ของการลงทุนยากต่อการคาดเดา เพราะไม่มีใครรู้ว่า เรื่องจริงจะเป็นเช่นไร? เดี๊ยนถึงแปลกใจที่เห็นดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,436.40 จุด บวกไป 11.72 จุด ด้วยมูลค่า 4.57 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ

*เนื่องจากนักลงทุนหันมาเล่นกับเกมเสี่ยงมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้จากเที่ยวนี้ก็ออกได้สองหน้า “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกสักรอบ เพราะเหตุการณ์ที่นักลงทุนจะต้องพานพบในวันนี้มีแค่ “ออก” กับ “ไม่ออก” ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของการทำประชามติว่า อังกฤษควรอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปไหม? และเรื่องนี้จะกระทบกับการลงทุนในตลาดหุ้นเต็มๆ นะจะบอกให้

*ฉะนั้นคำอธิบายในวันนี้จะเป็นการพูดว่า “หุ้นขึ้นเพราะโล่งใจ” และ “หุ้นลงเพราะกังวลใจ” จึงต้องโฟกัสไปยังท่าทีของนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลกับการเคลื่อนตัวของดัชนี “โมนิก้า” จึงขอเม้าท์ถึงหุ้นหลากหลายรูปแบบ เพื่อเสนอเป็นทางเลือกกับนักลงทุนทุกประเภท และขอรับรองว่า แต่ละตัวที่เม้าท์ถึงมีสตอรี่ที่น่าติดตามเยอะเลยเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ BANPU ไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเสมือนว่า กำลังจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 15 บาทเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของนักเล่น เพราะมุกที่ถูกนำมาใช้เที่ยวนี้เป็นเรื่องของการเทิร์นอะราวด์ บวกกับมีแผนเอาโรงไฟฟ้าหงสาเข้าตลาดหุ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 14.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท มันเป็นเกมที่ต้องคิดเหมือนกันว่า ทำได้จริงอะป่าว!

*เหมือนกับในรายของ SCB กับ KBANK กระชากขึ้นมาปิดที่ 135 บาท หรือขึ้นไป 3.50 บาท บวกไป 2.60% ด้วยมูลค่า 1.80 พันล้านบาท ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 169 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 1.18 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นแพทเทิร์น U-Shape  ไม่มีอะไรหวือหวาอย่างที่ควรจะเป็น จึงขอฟันธงว่า เล่นกันอีก 2-3 ยกแล้วแยกย้ายกลับบ้านแน่ๆ เชื่อน้องโมเถอะค่ะ

*หากยังไม่เข้าใจแพทเทิร์นดังกล่าว “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับหันมาดูหุ้น IRPCประกอบการตัดสินใจโดยด่วน เพราะหลังจากหุ้นไม่สามารถฝ่าทะลุแนวต้าน 5.30 บาทขึ้นไปได้ หุ้นก็รูดลงมายืนอยู่แถวๆ 4.80 บาท ต่อจากนั้นก็เด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้านดังกล่าวอีกครั้ง ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.86 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่า 980 ล้านบาท มันเป็นแพทเทิร์นที่นักเล่นต้องตามไปดูใช่ไหม?..ลองไปคิดกันดูนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BWG หากมองให้ทะลุปรุโปร่งแบบลึกซึ้ง การโดนเทขายจนหุ้นอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 2.18 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่า 530 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่น่าขบคิดว่า เริ่มมีการถอยทัพบางส่วนแล้วใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ชัยภูมิที่เหมาะต่อการเข้าเก็บในเที่ยวนี้อยู่ตรงเส้น 200 วันที่บริเวณ 2.08 บาทนะจะบอกให้

*ผิดกับในรายของพระเอกตัวจริง AJD แบบสุดกู่! เพราะรายนี้มีมิติของข่าวสารที่จรรโลงจิตใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ แถมการลุยโปรเจ็กต์เที่ยวนี้เป็นอะไรที่จับต้องได้มากกว่าทุกครั้ง หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.34 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอสันนิษฐานว่า ส่วนหนึ่งมาจาก “เฮียอมร” เดินหน้าเก็บหุ้นเข้าพอร์ตมา 2-3 วัน ซึ่งอนุมานได้ทันทีว่า มันต้องมีอะไรดีซ่อนไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ VGI มันเป็นอะไรที่ต้องเกาะกระแสให้ดีๆ เพราะการขึ้นมาปิดที่ 5.80 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่า 350 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบ 1 ปี 3 เดือน ตามตำราจอมยุทธเขาเรียกกระบวนท่านี้ว่า เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า ซึ่งเป็นการย้ำว่า หุ้นยังมีโอกาสไปต่ออีกเยอะเลยทีเดียว งานนี้ถึงต้องบอกกับคนเล่นว่า อย่าหลงระเริงจนลืมขายนะคะ

*สำหรับดาวเด่นอย่าง TACCยังคงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจเหมือนเดิมทุกอย่าง แม้ที่ผ่านมาจะทรุดตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่วานนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งยังมีอยู่ล้นปรี่ ล่าสุดเห็นหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 5.65 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 6.60% “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า  น่าจะมีโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่รอคอนเฟิร์มอย่างแน่นอน เพราะธรรมชาติของธุรกิจที่ขายของให้กับเซเว่นฯ มักจะมีอะไรที่มาต่อยอดของเดิมเป็นประจำ! เดี๊ยนเลยขออนุญาตไปนั่งทบทวนความจำก่อนว่า ตอนนี้มีดีลอะไรอยู่ในมือบ้าง..วันถัดไปจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ

*ป.ล.สาเหตุที่เข้ามาซื้อหุ้นกันหนึบหนับ มันเกิดจากการเลิกกลัวจริงๆ ใช่ไหม?..หากไม่ใช่อย่างที่ว่า ตลาดหุ้นไทยก็คงกลับไปในวังวนเดิมๆ นะจะบอกให้