ได้มากกว่ากำไร แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ราคาหุ้นของ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ฉับไวเสมอต่อข่าวดี
ราคาหุ้นของ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ฉับไวเสมอต่อข่าวดี
อันนี้ช่วยไม่ได้ จริงๆ…อย่าได้อิจฉากันเลยสำหรับบริษัทอื่นๆ ที่ข่าวดีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถกดดันราคาหุ้นได้
ล่าสุด ราคาหุ้นของ FSMART นับตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน ทะยานแรงอีกเช่นเคย เพราะมีข่าวเรื่องของบริษัทได้รับอนุมัติจากสมาคมฟุตบอลแหงประเทศไทย ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ซึ่งจัดให้มีการแข่งขันในไทยทั้งหมดในฐานะทีมเหย้าประมาณ 5 ครั้ง โดยได้ค่าธรรมเนียมการดำเนินการตั๋วละ 15 บาท โดยผ่านระบบจองตั๋วผ่านตู้บุญเติมของบริษัททั่วประเทศประมาณ 7 หมื่นตู้
สำหรับนักลงทุนที่คิดง่าย และคิดเร็วกว่ากามนิตหนุ่ม ก็จะคิดสะระตะกันในเบื้องต้นว่า สนามรัชมังคลาฯที่หัวหมากนั้น มีคนดูจุได้มากประมาณ 5 หมื่น ดังนั้น หากคำนวณออกมาจะได้รายได้เข้า FSMART ครั้งละ 7.5 แสนบาท 5 ครั้งก็จะได้รายได้เหนาะๆ ก่อนหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ และภาษี ที่ระดับ 3.75 ล้านบาท…ดีกว่าอยู่เปล่าๆ
คิดอย่างนี้ ไม่ถูกต้อง เพราะ นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ FSMART ระบุว่า ข้อตกลงที่ว่ามานั้น ยังเป็นแค่หลักการเท่านั้น ยังต้องมีการเจรจารายละเอียดกับสมาคมฟุตบอลฯในการจัดสรรตั๋วเข้าชมฟุตบอลฯ โดยแต่ละนัด จะมีจำนวนที่นั่งชมประมาณ 50,000 ที่นั่ง ซึ่งจะต้องแบ่งให้กับกลุ่มวีไอพี และกลุ่มแฟนบอลของทีมชาติที่จะมาเยือน
พูดง่ายๆ คือ ได้กล่องมากกว่าเงิน
เพียงแต่รายได้ที่น้อยนิดนั้น นายสมชัย ยืนยันว่า จะมีสิ่งที่เหนือกว่ารายได้ระยะสั้นเพราะบริษัทมองว่าจะช่วยเพิ่มสินทรัพย์ให้กับบริษัทในด้านของฐานลูกค้าใหม่ๆ คนจะรู้จักตู้บุญเติมมากขึ้น อีกทั้งฐานลูกค้าใหม่ดังกล่าวยังสามารถนำมาเพิ่มช่องทางการขายบริการหน้าตู้บุญเติมได้ในอนาคต ซึ่งจะสร้างรายได้จากการโฆษณาหน้าตู้บุญเติมเพิ่มด้วย ที่สำคัญ จะช่วยให้บริษัทเรียนรู้การบริหารจัดการด้วยระบบออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สามารถทำกำไรพร้อมกันไปด้วย
ผลลัพธ์ในระยะยาวที่จะเก็บเกี่ยวในอนาคต จึงใหญ่โตมโหฬาร เพราะในการลงทุนเพื่อจำหน่ายตั๋วฟุตบอลผ่านตู้บุญเติม จะมีขั้นตอนและรายละเอียดที่ซับซ้อนที่สามารถสร้างประสบการณ์ให้กับทีมงานของ FSMART แท้จริง…จะเรียกว่าซ้อมใหญ่ ก็คงไม่ผิด
การสร้างระบบให้กับขั้นตอนการจองตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลที่ FSMART ต้องกระทำนั้น จะต้องมีกระบวนการต่อไปนี้
– ลงทะเบียนสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ www.houseofticket.com ซึ่งจะพร้อมให้ลงทะเบียนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้
-การจองตั๋ว ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกเท่านั้นที่สามารถจองตั๋วได้ โดยบริษัทจะเปิดจองตั๋วล่วงหน้า 1 เดือนสำหรับทุกนัดการแข่งขัน ซึ่งนัดแรกเป็นนัดแข่งขันระหว่าง ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติญี่ปุ่นในวันที่ 6 กันยายน ซึ่งจะเปิดให้จองตั๋วในช่วงต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ยังสามารถจองตั๋วผ่าน คอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีจำนวนคอลล์เซ็นเตอร์รองรับแล้วประมาณ 40-50 สาย ซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการ
-เลือกชำระเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต ในเว็บไซต์ หรือชำระเงินสดผ่านตู้บุญเติมที่มีทั่วประเทศกว่า 70,000 จุดทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง
– สามารถเลือกรับตั๋วได้หลายช่องทาง ทั้งสถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) ทุกสถานี สำหรับต่างจังหวัดรับบัตรได้ที่สำนักงานตัวแทนของบุญเติมทั่วประเทศที่มี กว่า 200 สาขา หรือเลือกให้จัดส่งทางไปรษณีย์ หรือรับตั๋วหน้างานในวันแข่งขัน
เงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ มีกุญแจดีที่สุดคือ ข้อแรก เพราะหากไม่ได้เป็นสมาชิกของ www.houseofticket.com จะไม่สามารถใช้สิทธิข้ออื่นใดได้เลย
เงื่อนไขเช่นนี้ ไม่ได้แตกต่างจากเงื่อนไขของการจองตั๋วออนไลน์ระบบต่างๆ ที่มีอยู่แล้วเดิม
สำหรับผู้ช่ำชองในธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ แล้ว การลงทะเบียนสมาชิก คือ การสร้างฐานข้อมูลลูกค้าที่สำคัญสำหรับการต่อยอดทางการตลาดในอนาคต เพื่อทำการตลาดอื่นๆ เช่น ไมโครเพย์เมนต์ หรือ ส่งเสริมการขาย หรือ ไดเร็กต์เมล หรือ ทำ CRM ฯลฯ
นั่นหมายความว่า ฐานข้อมูลรายชื่อบุคคลที่ได้จากการขายตั๋วออนไลน์ให้สมาคมฟุตบอลนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมขายตั๋วไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย เพราะผู้บริหารของ FSMART มีเป้าหมายที่ยาวไกลกว่านั้น
หากพิจารณาองค์ประกอบอื่นของตู้บุญเติมจะยิ่งเห็นได้ชัดว่า ปีนี้เป้าหมายของ FSMART ยังคงมุ่งขยายจำนวนตู้บุญเติมให้ครบ 90,000 ตู้ภายในสิ้นปีนี้ จากสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่มีตู้บุญเติมแล้ว 77,000 ตู้ โดยเป้าหมายยอดเติมเงินหน้าตู้บุญเติมที่ระดับ 21,000 ล้านบาทก็ยังคงใกล้เคียงไปทุกขณะ…เท่ากับ FSMART อาศัยการขายตั๋วฟุตบอลโลก 5 นัด เป็นสปริงบอร์ดกระโจนเข้าสู่การสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่โตเกินกว่าคนที่ใช้ตู้บุญเติมอันเป็นฐานลูกค้าเดิม
ถือเป็นยุทธการ “..เสือข้ามถิ่น…” ที่มีนัยสำคัญ
ราคาที่กระโจนพรวด แล้วย่อตัวลงมาจองหุ้น FSMART ในสัปดาห์นี้ จึงเป็นแค่ปรากฏการณ์ผิวหน้าที่ไม่ได้บอกอะไรเลย
จะเห็นอนาคตของบริษัทนี้ …ต้องลงลึกยิ่งกว่า “ค้นหานีโม่”
พฤติกรรมทางธุรกิจของ FSMART ตอกย้ำอีกครั้งว่า จากจุดเริ่มต้นการเติบโตด้วยยุทธศาสตร์ภายใต้โมเดล Long-Tail Strategy ที่ทิ้งขาดคู่แข่งในระนาบเดียวกันไม่เห็นฝุ่นมาแล้ว วันนี้และอนาคตของ FSMART กำลังสร้างมูลค่าเพิ่มจากการตลาดออนไลน์ในทะเลสีครามที่กว้างใหญ่ และ…อาจจะข้ามพรมแดนในระยะต่อไป ตามยุทธศาสตร์ใหม่ “กลับสู่อนาคต”
พูดมาถึงขนาดนี้…อย่างง…อยากรู้ละเอียด ต้องไปถาม “บิ๊กสอง” สมชัย สูงสว่าง และ และ “บิ๊กเตา” พงษ์ชัย อมตานนท์ เท่านั้น
อิ อิ อิ