จาก Brexit ถึงไทยทายท้าวิชามาร
ผลประชามติ Brexit ทำให้ “แดงทั้งแผ่นดิน” หรือแผ่นโลกก็ว่าได้หุ้นไงครับเอเอฟพีประเมินว่ามูลค่าหุ้นทั่วโลกหายไป 74 ล้านล้านบาทไม่ต้องพูดถึงหุ้นลอนดอนและค่าเงินปอนด์ซึ่งมูดี้ส์ปรับอันดับความน่าเชื่อถืออังกฤษเป็นลบ
ใบตองแห้ง
ผลประชามติ Brexit ทำให้ “แดงทั้งแผ่นดิน” หรือแผ่นโลกก็ว่าได้หุ้นไงครับเอเอฟพีประเมินว่ามูลค่าหุ้นทั่วโลกหายไป 74 ล้านล้านบาทไม่ต้องพูดถึงหุ้นลอนดอนและค่าเงินปอนด์ซึ่งมูดี้ส์ปรับอันดับความน่าเชื่อถืออังกฤษเป็นลบ
คนอังกฤษที่โหวต Leave คงไม่ตระหนักว่าจะเกิดผลย้อนเข้าหาตัวถึงเพียงนี้ไม่เพียงความเสียหายทางเศรษฐกิจแต่ยังเกิดแตกแยกทางการเมืองทั้งระหว่างคน 52% กับ 48% (ซึ่งฝ่ายหลังส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวคนลอนดอน) และสหราชอาณาจักรอาจแตกเพราะสกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือซึ่งคนส่วนใหญ่โหวต Remain ขอลงประชามติแยกประเทศบ้าง
Brexit ให้บทเรียนอะไรประการแรก นี่คือชัยชนะของ “ฝ่ายขวา” ชาตินิยมเกลียดกลัวผู้อพยพซึ่งมีคนสุดโต่งขนาดฆ่าส.ส.หญิงพรรคแรงงานแม้ 52% ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียหมดเพราะคะแนนโหวตมาจากเหตุผลหลายประการแต่คะแนนพื้นฐานก็มาจากคนอังกฤษคิดว่าตัวเองเหนือกว่าชาติอื่น
Brexit น่าจะทำให้โลกฉุกคิดว่าการแห่ตามกระแสฝ่ายขวาคับแคบแบบโดนัลด์ ทรัมพ์ (ซึ่งออกมาเต้นแร้งเต้นกา) หรือมารีนเลอแปน จะมีผลเช่นไร
ประการที่สองบทเรียนด้านกลับ เหตุที่พวก Leave ปลุกคนได้เพราะเศรษฐกิจเหลื่อมล้ำตกต่ำสร้างความลำบากให้คนทั่วไปเพียงแต่พวกชาตินิยมใช้วิธีมักง่ายโทษการเข้าร่วม EU ทำให้ต้องแบกรับภาระประเทศอื่นแล้วก็ซ้ำเติมด้วยความเกลียดกลัวผู้อพยพ
ทรัมพ์ก็มาแบบเดียวกันคนอเมริกันผิวขาวชายขอบเบื่อหน่ายการเมืองกระแสหลัก The Establishment ในวอชิงตันไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้จู่ๆ ทรัมพ์โผล่มาจากไหนไม่รู้ปากเสีย แต่ดันพูดถูกใจอเมริกาจะไปยุ่งกับโลกทำไมในเมื่อพวกกรูยังลำบากอยู่
กระแสต้าน Establishment แผ่กว้างทั่วไปในเดโมแครตก็มีเบอร์นีแซนเดอร์ส ซึ่งเป็น “ฝ่ายซ้าย” เสนอแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตยลดเหลื่อมล้ำในสเปนก็มีพรรคใหม่มาแรงแนวทางสังคมนิยมประชาธิปไตยกรุงโรมก็ได้นักการเมืองหญิงจากพรรคโนเนมเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่
มองภาพกว้างทุนนิยมโลกกำลังประสบวิกฤติรอบใหญ่การผลิตล้นเกิน เงินล้นแบงก์หนี้ท่วมอนาคต นักเก็งกำไรไม่มีที่เก็งในขณะที่ประชาชนฝืดเคืองภาวะเช่นนี้กำลังผลักให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งเศรษฐกิจการเมืองนำไปสู่ประชาธิปไตยที่เป็นธรรมยิ่งขึ้นแต่ก็เกิดช่องให้พวกชาตินิยมพวกเผด็จการหรือพวกคลั่งสุดโต่งประเภทต่างๆอาละวาดได้ในช่วงสั้น
อันนี้ไม่ได้ว่าเมืองไทยเพราะคนไทยส่วนใหญ่เกลียดทรัมพ์เพียงแต่ขณะเดียวกันก็เกลียดนักสิทธิมนุษยชนไม่รับโรฮีนจา และไม่เอาประชาธิปไตย
บทเรียนประการที่สามประชามติที่ถือเป็น “ประชาธิปไตยทางตรง” ไม่ใช่เครื่องมือตัดสินที่ดีเสมอไปอ้าว พูดอย่างนี้ปฏิเสธประชาธิปไตยหรือไม่ใช่ครับแต่มันไม่ใช่ทุกเรื่องในโลกสามารถตัดสินได้ด้วย Yes หรือ No มันมีเหตุผลซับซ้อนกว่านั้นประชาชนที่ลงประชามติมีความต้องการหลากหลายกว่านั้นเช่น บางคนอาจบอกว่า Yes แต่…. หรือ No แต่…..
แบบเดียวกับ “รับ” “ไม่รับ” ก็มีเหตุผลหลากหลายไม่ได้มาจากเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญดีหรือไม่ดี
แต่ที่พูดนี่เป็นแง่คิดทฤษฎีประชามติทั่วไป ไม่ได้พูดถึงเมืองไทยซึ่งไม่น่าใช่ประชามติด้วยซ้ำเพราะไม่ยอมให้รณรงค์คัดค้านนักศึกษาแจกแผ่นพับ Vote No ไม่ผิดพ.ร.บ.ประชามติก็ยังถูกจับฐานชุมนุมเกิน 5 คนนี่ประชามติอะไรกัน
เดวิดคาเมรอน แพ้ประชามติก็ยังลาออกไม่เคยมีที่ไหนขู่ว่าถ้าแพ้ยิ่งเจอโหดกว่านี่ใช่ประชามติจริงหรือ
ใบตองแห้ง