ด่านหินโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่กองทุนตัวแสบกลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนปกติ อะไรต่อมิอะไรก็ดูดีไปหมดเสียทุกอย่าง แถมแรงซื้อก็พรั่งพรูเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดัชนีก็เลยพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,437.42 จุด บวกไป 13.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.82 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ย้ำเตือนให้นักเล่นต้องพึงสังวรไว้ตลอดเวลาว่า มันนี่เกม! เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับข่าวสารนะจะบอกให้

*ฉะนั้นอย่าถามว่า ประเด็นไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน! เพราะมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในเวลานั้นออกมาเป็นแบบไหน? รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์เป็นไปใน “ทางบวก” หรือ “ทางลบ” เดี๊ยนถึงพยายามให้นักเล่นดูสัญญาณเทคนิคควบคู่กันไป เพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้การจับจังหวะเคาะขวาทำได้ง่ายขึ้น เพราะพอรู้ข้อมูลเลาๆ ว่า หุ้นจะไปได้ไกลขนาดไหนเจ้าค่ะ

*เหมือนกับการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมายืนเหนือเส้นแนวรับ 10 วัน บริเวณ 1,426 จุดได้อีกครั้ง “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเรื่องที่เกิดจากความตั้งใจจริงๆ จึงเป็นจังหวะที่ควร follow up อย่างไม่มีเงื่อนไข..น่าเสียดายที่สัญญาณเทคนิคบางตัวยังคงแสดงการอ่อนตัวอย่างเห็นได้ชัด เดี๊ยนเลยขอสรุปให้เข้าใจตรงกันว่า ยังไม่ใช่การกลับทิศอย่างบูรณาการนะจ๊ะ

*งานนี้ทำให้แนวต้านระยะสั้นที่บริเวณ 1,439 จุด กลายเป็นจุดทดสอบกำลังใจขึ้นมาในทันที! หากผ่านขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่ง ก็จะไปเจอกับด่านหินที่บริเวณ 1,450 จุด ซึ่งจะกลายเป็นจุดที่พิสูจน์ว่าแรงซื้อมีหนาแน่นเพียงใด แต่ในระหว่างนี้คงต้องมองกลับไปที่ภาพรวมของระบบการเงินการลงทุนเข้าสู่ภาวะปกติหรือยัง? เพราะเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ส่งผลโดยตรงกับการขึ้นของหุ้นแต่ละตัวน่ะสิ

*ประเด็นดังกล่าวเทียบเคียงได้จากการทะยานขึ้นของหุ้น SCBกับKBANKล้วนเป็นผลมาจากสถานการณ์หลายอย่างค่อนข้างทรงตัว แรงซื้อเลยไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 136 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่า 1.88 พันล้านบาท ส่วนรายหลังปิดที่ 169.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่า 1.17 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นแพทเทิร์นเดิมที่หุ้นเคยวิ่งไปมาในกรอบ 160-180 บาทมาแล้วหลายรอบค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TRUEหากมองการขยับตัวเที่ยวนี้ ควบคู่กับสัญญาณเทคนิคจะเห็นว่า การขึ้นมาปิดที่ 7.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 1.11 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ผิดแผกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะหุ้นเอาแต่ย่ำฐานที่บริเวณ 7.10 บาทแถมการขึ้นรอบนี้เจอเส้นแนวต้าน 75 วันที่บริเวณ 7.40 บาทขวางอยู่เสียด้วย หากแรงซื้อไม่หนาแน่นจริง คงกลับลงมายืนอยู่ที่ฐานเดิมแน่ๆ เจ้าค่ะ

*ผิดกับในรายของ BJCทะยานขึ้นมาปิดที่ 45 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่า 1.59 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมาติดอันดับ 3 ในกระดาน most active พร้อมกับทำ new high ในรอบ 1 ปี 9 เดือน “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย งานนี้ถึงบอกได้แค่ว่า ตามไปดูแบบห่างๆ ได้แน่นอน แต่อย่าทุ่มหมดหน้าตักนะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ CKP มาแรงแซงทุกโค้ง ก่อนจะปาดหน้าเข้าวิน ด้วยการปิดที่ระดับ 3.16 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท แถมเป็นการบวก 4 วันติด ให้รีเทิร์นมากถึง 21% “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ทำให้แพทเทิร์นของหุ้นดูดีขึ้นมาทันตา และพร้อมจะปักหลักสร้างฐานที่บริเวณ 3 บาทอีกครั้งแบบนี้ สงสัยจะเป็นหนังเรื่องยาวแล้วกระมั้ง!

*อีกหนึ่งรายที่น่าสนใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้นักเล่นไปดู TFD จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 4.02 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 350 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องเผื่อใจไว้พอสมควร เพราะเป็นการขึ้นที่มาพร้อมกับความหวังล้วนๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงเหลือเกิน โดยเฉพาะบริษัทที่มีผลขาดทุนเรื้อรัง จึงขอแนะนำให้เล่นแต่พองามก็แล้วกันพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SIM จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 1.28 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 12.30% ด้วยมูลค่า 155 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะในช่วงต้นเดือนก็เคยดันหุ้นขึ้นมายืนถึงระดับนี้ ต่อจากนั้นก็ปล่อยให้ร่วงลงมาเรื่อยๆ จึงเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีสตอรี่อะไรรองรับเลยน่ะสิ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอพูดถึงข่าวคราวของหุ้น UMI เพื่อช่วยเตือนสตินักเล่นสักนิดหนึ่งว่า หุ้นตัวนี้เคยวิ่งขึ้นแรง ต่อจากนั้นก็พบว่า มีแก๊งหนึ่งเข้ามาปั่นหุ้นกันอย่างสนุกสนาน จนหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 38.75 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนได้แค่ระดับ 3.42 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มีไม่ถึง 10 ล้านบาท แถมมีกลุ่มคนที่โดน ก.ล.ต. สั่งปรับเป็นเงิน  447 ล้านบาทแบบนี้..เข็ดไหมจ๊ะ