สังคมตายด้าน?ทายท้าวิชามาร
ถึงไม่เห็นด้วยมากมายหลายเรื่อง แต่ก็มี 2 เรื่องที่บังเอิญเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หนึ่งคือ ท่านไม่เห็นด้วยกับการเอานักเรียนตีกันมาเป็นทหารเกณฑ์ เพราะอยากให้คำนึงถึงความตั้งใจของประชาชนที่สมัครเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ
ใบตองแห้ง
ถึงไม่เห็นด้วยมากมายหลายเรื่อง แต่ก็มี 2 เรื่องที่บังเอิญเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หนึ่งคือ ท่านไม่เห็นด้วยกับการเอานักเรียนตีกันมาเป็นทหารเกณฑ์ เพราะอยากให้คำนึงถึงความตั้งใจของประชาชนที่สมัครเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ
ท่านพูดถูกแล้วครับ ถ้าเกณฑ์ทหาร = การลงโทษ แล้วกองทัพจะโปรโมทโฆษณาได้อย่างไรว่าการเป็นทหารคือความภาคภูมิใจที่ได้รับใช้ชาติ เป็นอาชีพทรงเกียรติ จนสามารถยึดอำนาจจากประชาชนได้
ทหารที่เสนอไอเดียนี้ควรทบทวรความคิดตัวเองใหม่ ยอมรับใช่ไหม ว่าเกณฑ์ทหารเป็นการบังคับข่มขืนใจที่น่าหวาดหวั่น จนสามารถใช้ขู่นักเรียนให้เลิกตีกัน
เรื่องที่สองที่เห็นด้วยคือ ท่านปฏิเสธข้อเรียกร้อง “ข่มขืนโทษประหาร” โดยขอให้คำนึงถึงกฎหมายโลกที่หลายประเทศยกเลิกประหารชีวิตและสิทธิมนุษยชน อย่าเสพย์ติดกฎหมาย แหม นานๆ ที ท่านจะเห็นด้วยกับถึงสิทธิมนุษยชน ไม่ยักบอกว่าสิทธิมนุษยชนต้องเคารพ ม.44
เรื่อง “ข่มขืนโทษประหาร” ต้องแย้งว่าเป็นโทษเกินสมควรแก่เหตุ ขัดหลักกฎหมาย ความผิดข่มขืนไม่สามารถลงโทษเท่าฆ่าคนตาย แม้แน่ละ กฎหมายข่มขืนควรแก้ไข โดยเฉพาะที่บัญญัติให้คดีข่มขืนยอมความได้ คดีข่มขืนเป็นผลสะท้อนของสังคมไทยที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แม้กระทั่งกฎหมายยังไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงที่ถูกขืนใจ แถมยังเป็นสังคมที่นิยมการใช้กำลัง ใช้อำนาจบังคับ ผู้มีอำนาจเคยชินกับการใช้กำลังข่มขืนให้สังคมสมยอมได้
สังคมไทยไม่ได้เป็นสังคมที่เคารพกฎหมาย แต่เสพย์ติดการใช้กฎหมายแบบ “ยาแรง” เป็นเรื่องๆ เป็นพักๆ เมื่อกระแสสื่อ กระแสสังคม คนชั้นกลางระดับบน ไฮโซ เซเลบส์ มีฉันทามติพิพากษา ไม่ว่าเรื่องทางการเมือง ทางสังคม หรือทางอาญา เพื่อรักษาระดับศีลธรรมของสังคมไทย ในขณะที่ยังมีความเหลื่อมล้ำอยุติธรรมอยู่มากมายดาษดื่น แต่ไม่เป็นข่าว หรือไม่ได้รับความสนใจ เพราะไม่สะเทือนใจ
ที่ชัดเจนในช่วงนี้คือ การใช้อำนาจกับผู้เห็นต่างทางการเมือง กลายเป็นเรื่องที่สื่อและสังคมเพิกเฉย ด้านชา ไม่ให้ความสนใจ ไม่ว่าการสั่งปิดพีซทีวี 30 วัน การใช้คำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนจับ 13 นักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ จับคนปล่อยลูกโป่ง “รณรงค์ไม่ผิด” จับนักศึกษารับน้องใส่เสื้อ Vote No
เป็นที่น่าสังเกตว่า กระแสเรียกร้องให้ปล่อยตัว 7 นักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ก็ไม่กว้างขวางเหมือนปีที่แล้ว ทั้งที่ปีที่แล้ว 14 นักศึกษาถูกจับเพราะท้าทายอำนาจรัฐประหารโดยตรง ปีนี้ พวกเขาถูกจับเพียงเพราะไปแจกเอกสาร Vote No ซึ่งไม่ผิด พ.ร.บ.ประชามติด้วยซ้ำ แต่โดนจับฐานขัดคำสั่ง คสช.
ที่จริงยังน่าสังเกตด้วยว่า ทำไมประชามติไทยไม่ได้รับความสนใจเท่า Brexit ซึ่งวิเคราะห์กันเป็นวรรคเป็นเวรว่าจะกระทบนั่นนี่ ทั้งที่ประชามติรับ-ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญน่าจะส่งผลต่อ GDP ไทยมากกว่า
สังคมไทยดูเหมือนอยู่ในสภาวะด้านชา ระหว่าง “รับ-ไม่รับ” กลายเป็นพวก “ไทยเฉยเมย” เอาตัวรอด ทำมาหากินไปวันๆ เสียมากกว่า แต่ถ้าต้องไปลงประชามติก็คงรับเพื่อให้พ้นๆ ไป โดยคิดง่ายๆ ว่าไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ก็ไม่อยากยุ่งกับใคร ฉะนั้นต่อให้เห็นว่าเกิดความไม่ยุติธรรมไม่เป็นธรรม อย่างน้อยก็ “ไม่มีใครตาย” เอาเหอะ ขอให้สถานการณ์ช่วงนี้พ้นๆ ไป แล้วค่อยมาว่ากันใหม่
ไม่แปลกใจหรอก สังคมไทยก็สมยอม ยอมความ มาอย่างนี้จนไม่ไปไหนสักที
ใบตองแห้ง