LPH ไปได้สวย
มีข้อมูลอัพเดต ล่าสุดจากนักวิเคราะห์ ต่อ LPH ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 59 ว่ารายได้จะโต 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น
–คุณค่าบริษัท–
มีข้อมูลอัพเดต ล่าสุดจากนักวิเคราะห์ ต่อ บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 59 ว่ารายได้จะโต 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยที่ชำระค่ารักษาด้วยเงินสดจะโตถึงสองหลักจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากผู้ป่วยประกันสังคม น่าจะโตได้หลักเดียวจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มจะเพิ่มจำรวนโควตาสมาชิกสูงสุดจาก 149,500 ราย เป็น 159,500 รายในเดือนเมษายน และจำนวนสมาชิกประกันสังคมจะเพิ่มขึ้นจนเต็มโควตาภายในไตรมาส 4 ปี 59
นอกจากนี้ LPH กำลังอยู่ในกระบวนการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเดชา ซึ่งมีขนาด 100 เตียง โดยผู้บริหารบอกว่าการลงทุนครั้งนี้จะใช้งบประมาณ 500-700 ล้านบาท โดยอาจจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมซื้อกิจการด้วย โดย LPH ตั้งเป้าที่จะถือหุ้นมากกว่า 50% ปัจจุบันโรงพยาบาลเดชาปิดกิจการอยู่เนื่องจากขาดผู้บริหาร ถ้าหากดีลนี้สำเร็จ โรงพยาบาลเดชาก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับ LPH ได้ทันที่
ปัจจุบันโรงพยาบาลเดชามีจำนวนสมาชิกประกันสังคมอยู่ 40,000 ราย ทั้งนี้จากการคำนวณ พบว่าดีลการซื้อหุ้นโรงพยาบาลเดชาจะช่วยให้ราคาเป้าหมายของ LPH เพิ่มขึ้นอีก 0.50 บาทต่อหุ้น โดยอิงจากสมมติฐานดังต่อไปนี้ 1) เงินซื้อกิจการอยู่ที่ 600 ล้านบาท 2) LPH ถือหุ้น 60% ในโรงพยาบาลเดชา และ 3) อัตราการใช้บริการของผู้ป่วยในเพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2560 เป็น 77% ในปี 2565
โดยผู้ป่วยให้ความไว้ว่างใจต่อการรักษาพยาบาลจึงทำให้ยอดผู้ป่วยเข้ามารักษาเพิ่มขึ้น พร้อมกับบริษัทรับโควตาประกันสังคมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อบริษัททั้งนั้น และยิ่งไปกว่านั้นหากดีลกับโรงพยาบาลเดชาได้สำเร็จ งานนี้จะทำให้ผลรายได้เติบโตขึ้นอีกในอนาคต
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทมีรายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 339.08 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 292.03 ล้านบาท โดยรายได้จาการรักษาพยาบาลและรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 42.14 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.88 ล้านบาท หรือ 0.03 บาทต่อหุ้น
สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้น ในเรื่องของฐานะทางการเงินที่ยังแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 881.73 ล้านบาท นำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนที่อยู่ราว 207.78 ล้านบาท ซึ่งจะได้ค่า Current ratio อยู่ที่ระดับ 4.25 เท่า นับว่า บริษัทยังมีสภาพคล่องด้านทางการเงินมากเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่บริษัทจะนำเงินไปลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาลอื่นๆ ไม่นั้นจะเกิดทุนจมได้
สำหรับด้านหนี้สินของบริษัทถือว่าไม่น่าเป็นห่วงเลย เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแล้วเพียง 300.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในส่วนของผู้ถือหุ้นที่มากถึง 1,605.96 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.19 เท่า ถือว่า บริษัทยังปลอดโปร่งเรื่องหนี้สิน ซึ่งไม่น่ากังวล
ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มีการขยับไปใช้มูลค่าเหมาะสมปี 2560 ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 10.50 บาท หุ้น LPH ซื้อขายที่ระดับ P/E ปี 2560 ที่ 36 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโรงพยาบาลในภูมิภาคที่ 34 เท่า ยังคงแนะนำให้ “ถือ” เนื่องจากเหลือ upside อีกไม่มากแล้ว อีกทั้งแนะนำให้นักลงทุนรอให้บริษัทปิดดีลการซื้อกิจการโรงพยาบาลเดชาให้เรียบร้อยก่อน
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1. บริษัท แอล. พี. โฮลดิ้ง จำกัด 200,987,200 หุ้น 26.80%
2. นางสุนี ตันฑเทอดธรรม 34,749,880 หุ้น 4.63%
3. นายพิพัฒน์ เศวตวิลาศ 33,893,684 หุ้น 4.52%
4. บริษัท ยูเนี่ยนแคปปิทอล จำกัด 25,410,000 หุ้น 3.39%
5. บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)-เคแทม โกรท โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด 23,895,400 หุ้น 3.19%
รายชื่อกรรมการ
1.ศ.ดร.นพ. สมศักดิ์ โล่เลขา ประธานกรรมการ
2.นาย พิพัฒน์ เศวตวิลาศ รองประธานกรรมการ
3.ดร. อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
4.ดร. อังกูร ฉันทนาวานิช กรรมการ
5.นาย สมเชาว์ ตันฑเทิดธรรม กรรมการ