พาราสาวะถี อรชุน

ความย้อนแย้งของกลุ่มคนดีที่อยู่ในองคาพยพแม่น้ำ 5 สายนั้น มีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เป็นกรณีของร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยปัญหาการจัดพิมพ์ที่ทำท่าว่าจะจัดส่งให้ประชาชนได้อ่านกันทั้งฉบับไม่ทัน ทางกรธ.จึงใช้วิธีการสรุปเนื้อหา 1 หน้ากระดาษเอ 4 ชี้แจงส่วนดีของร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 9 ข้อ ให้ประชาชนได้อ่านก่อนไปลงประชามติ

การกระทำเช่นนี้ขัดต่อสิ่งที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ เที่ยวโต้ตอบใครต่อใครที่วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า ได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วหรือยัง เหตุใดเมื่อประชาชนที่จะต้องไปชี้ขาดว่ากฎหมายฉบับนี้ดีหรือไม่ จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะอ่านร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอย่างนั้นหรือ กรธ.ถึงใช้วิธีลักไก่สรุปสอดไส้ 9 ประเด็นไปอย่างที่ชี้แจงมา

ถ้าจะมองแบบหาเรื่องสไตล์นักการเมืองก็คือ การพิมพ์เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญผิดจนมีผลต่อการจัดส่ง เป็นเจตนาเพื่อที่จะให้กรธ.ได้ใช้ช่องสรุปส่วนดีของร่างรัฐธรรมนูญยัดเยียดให้ประชาชนอ่านเฉพาะส่วนที่ต้องการโชว์อย่างนั้นหรือ ประเด็นนี้มีชัยควรจะชี้แจงให้ดีแต่อย่างที่เห็นตลอดเวลาตั้งแต่รับหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ จะใช้วิธีสีข้างเข้าถูมาทุกเรื่อง

แม้กระทั่งเอกสารความเห็นแย้งต่อร่างรัฐธรรมนูญของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ยังถูกทำให้กลายเป็นร่างรัฐธรรมนูญปลอมไปเสียฉิบ หวงแม้กระทั่งหน้าปกร่างรัฐธรรมนูญ โดยที่ไม่ได้มีการจดลิขสิทธิ์ไว้ เหล่านี้แหละที่เป็นพฤติกรรมของเหล่าคนดี อะไรที่เป็นที่ข้อผิดพลาดของตัวเองจะปกปิด จากนั้นก็พยายามหาเหตุเบี่ยงเบนประเด็นหรือไปกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามให้เสียหาย

ในบทความล่าสุดของ สุรพศ ทวีศักดิ์ เรื่องแบรนด์คนดี การเมืองและศีลธรรม น่าจะเป็นภาพสะท้อนภาวะที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อกลุ่มคนที่มีแบรนด์คนดีในกรอบศีลธรรมบนฐานพุทธศาสนาไทยและความเป็นไทยเข้ามาสู่อำนาจทางการเมืองและใช้อำนาจกำหนดนโยบายสาธารณะต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยความชอบธรรมตามกรอบศีลธรรมสมัยใหม่และระบบเสรีนิยมประชาธิปไตย

ปัญหาที่ตามมาคือ ความเชื่อทางศีลธรรมที่ถือว่าความดีอยู่ที่ตัวคน ทำให้ความหมายของคนดีเป็นเพียงแบรนด์อย่างหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องยึดโยงอยู่กับความชอบธรรมตามหลักการประชาธิปไตย เมื่อไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับความชอบธรรมตามหลักการประชาธิปไตย คนดีก็ไม่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบ และจะเป็นข้อยกเว้นได้เสมอที่สังคมเราจะสนับสนุนคนดีเข้าสู่อำนาจทางการเมืองด้วยวิธีรัฐประหารในยามที่อ้างว่าจำเป็น

เหล่าบรรดากลุ่มคนที่มีแบรนด์คนดีที่มีชื่อเสียงในสังคมก็เรียงแถวเข้าไปมีตำแหน่งอำนาจในรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ศีลธรรมสมัยใหม่ทำงานไม่ได้และถูกมองว่าไม่ใช่ศีลธรรม นักศึกษาและประชาชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ประชาธิปไตย นอกจากจะไม่ใช่คนดีที่เสียสละทำประโยชน์แก่ชาติดังกลุ่มคนที่มีแบรนด์คนดีทั้งหลายแล้ว พวกเขายังถูกมองว่าเป็นปัญหาของบ้านเมืองอีกด้วย

ที่น่าสนใจคือ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติที่ไม่รู้ว่าจะเน้นสร้างผลงานกันหรือถูกสั่งให้ต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เพราะล่าสุด ที่สภ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เกิดเหตุจับกุม 3 นักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ซึ่งเดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้าน 19 คนที่ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวจากการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ

โดยตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหานักศึกษาทั้ง 3 คนพร้อมด้วยผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ประชาไทอีก 1 รายตามความผิดมาตรา 61 วรรคสองของกฎหมายประชามติ อันนำมาซึ่งความสงสัยของคนโดยทั่วไป เพราะก่อนที่จะดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหานี้ ตำรวจได้โทรศัพท์พูดคุยกับ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งก็ให้คำตอบไม่ได้ว่า การที่คนเหล่านั้นมีเอกสารเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญอยู่ในครอบครองผิดกฎหมายหรือไม่

เนื่องจากหากไม่ได้นำไปแจกจ่ายหรือแม้แต่แจกจ่ายก็ต้องดูลักษณะของการแจกจ่ายว่ามีการใช้คำหยาบคาย ยุยงปลุกปั่นหรือไม่ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เลือกที่จะดำเนินคดีด้วยเหตุผลผู้บัญชาการภาคที่ดูแลเรื่องนี้ ระบุว่าเข้าข่ายความผิดฐานเตรียมการจะแจกจ่าย สุดยอดแล้วสำหรับตำรวจไทย เรียกได้ว่าคนในกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ก้าวขาไปทางไหนหรือกระแอมกระไอเป็นอันผิดทั้งหมด

การตั้งโจทย์ของผู้มีอำนาจสำหรับเรื่องนี้ สิ่งที่ นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งเป็นเครื่องหมายคำถามจึงควรที่จะต้องได้รับคำตอบให้ชัดเจน ถ้าเห็นว่ามีการทำรัฐธรรมนูญปลอม ทำไมไม่นำมาเปิดเผยให้สังคมได้เห็นว่าที่ว่าปลอมนั้นเป็นอย่างไร หรือเป็นเพียงความเห็นแตกต่างในสังคม และทำไมไม่เร่งรัดหาตัวผู้ที่ปลอมมาดำเนินคดี

ที่ระบุว่ามีนายทุนสนับสนุนนั้น หาตัวพบหรือยัง และสมมติว่ามีการทำเอกสารปลอมจริง จำต้องใช้เงินทุนมากมายเลยหรือไม่ แทนที่จะจุดประเด็นและกล่าวอ้างว่ามีรัฐธรรมนูญปลอม ทำไมไม่เร่งรัดชี้แจงเนื้อหาจริงผ่านสื่อต่างๆ ให้มากขึ้น และที่สำคัญทำไมไม่รีบเชิญทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่างออกทีวีพร้อมกันอภิปรายเหตุและผลเพื่อความเท่าเทียม ประชาชนจะได้เข้าใจเนื้อหาได้ดีมากขึ้นก่อนไปลงประชามติ

ตนไม่เชื่อว่าจะมีใครมีศักยภาพในการเคลื่อนไหวล้มประชามติ เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจมีทั้งกฎหมาย ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่รัฐทั้งประเทศ และใครจะได้ประโยชน์อะไรจากการล้มประชามติ สุดท้ายใครจะได้ประโยชน์จากความไม่สงบ ความขัดแย้งหรือความสับสนวุ่นวายในสังคม และขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยมีอะไรบ่งชี้ว่าไม่สงบ หรือมันเป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น

ความพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างสงบราบคาบก่อนการทำประชามติ อีกกรณีที่เห็นได้ชัดคงเป็นปมการปิดสถานีโทรทัศน์ของพีซ ทีวี ของกลุ่มนปช. ทั้งๆ ที่ศาลปกครองบอกว่า กสท.จะทำอะไรให้ยื่นเรื่องผ่านศาลเพื่อจะพิจารณา แต่ว่าวันวานที่ประชุมกสท.ก็ยืนยันจะพักใบอนุญาตของช่อง 30 วันตามที่ได้มีมติ เหมือนกับว่ารับคำสั่งใครมาแล้วต้องทำให้ได้ น่าสนใจอยู่ไม่น้อยขนาดถึงกล้าทำในสิ่งที่เสี่ยงว่าจะละเมิดอำนาจศาล ย่อมไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นเช่นนี้ไงฝ่ายที่เห็นต่างจึงเชื่อว่านี่คือใบสั่ง