SMPC โตโดดเด่น

SMPC เป็นผู้ผลิตถังแก๊สปิโตรเลียมเหลวและถังทนความดันต่ำแบบต่างๆ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ที่ 6.2 ล้านใบต่อปี และปัจจุบันยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตถังแก๊สในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านใบต่อปี ทิ้งห่างคู่แข่งมากขึ้นในอันดับที่ 2 และ 3 จากประเทศโปรตุเกส และตุรกี ที่มีกำลังการผลิต 5 ล้านใบต่อปี


บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เป็นผู้ผลิตถังแก๊สปิโตรเลียมเหลวและถังทนความดันต่ำแบบต่างๆ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ที่ 6.2 ล้านใบต่อปี และปัจจุบันยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตถังแก๊สในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านใบต่อปี ทิ้งห่างคู่แข่งมากขึ้นในอันดับที่ 2 และ 3 จากประเทศโปรตุเกส และตุรกี ที่มีกำลังการผลิต 5 ล้านใบต่อปี

โดย SMPC มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก โดยในงวดครึ่งแรกของปี 59 รายได้สัดส่วนใหญ่ถึง 95% มาจากการส่งออก โดยภูมิภาคที่ยังมีการเติบโตโดดเด่น ยังคงเป็นประเทศในกลุ่มแอฟริกา และเอเชีย ที่ปัจจุบันยังมีอัตราการใช้ LPG ต่อประชากรในระดับที่ต่ำ ขณะที่ปัจจุบันกลุ่มประเทศดังกล่าวเริ่มมีภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมถึงมีการรณรงค์จากองค์กรอิสระ (WHO) ซึ่งได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ขาดแคลนพลังงาน ให้ใช้แก๊ส LPG แทนการใช้น้ำมันก๊าดและฟืนเป็นเชื้อเพลิง

ส่งผลให้ประเทศกลุ่มดังกล่าวได้มีการขยายการลงทุนในคลังเก็บแก๊สและโรงบรรจุแก๊สมากขึ้นต่อเนื่อง เช่นในประเทศเอเชียใต้ที่มีการลงทุนทยอยแล้วเสร็จ ส่งผลให้ความต้องการถังแก๊สเป็นบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงยังเป็นผลจากราคาแก๊ส LPG ในปัจจุบันที่ถูกลง ด้านยอดขายในประเทศอยู่ที่ 5%

ผลดังกล่าวยังคงทำให้นักวิเคราะห์คาดการว่ากำไรปกติในงวดไตรมาส 3 ปี 59  มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมียอดขายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 749.33 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 571.67 ล้านบาท ส่วนกำไรทำได้เพียง 149.23 ล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 163.02 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น เป็นเพราะบริษัทมีภาษีที่ต้องชำระที่อัตราภาษีเงินได้ 20%

ส่วนผลการเดินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมียอดขายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,561.10 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,236.13 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 283.90 ล้านบาท หรือ 0.54 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 213.56 ล้านบาท หรือ 0.41 บาทต่อหุ้น

มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.) รายได้ที่คาดว่ายังคงแข็งแกร่งตามคำสั่งซื้อที่มีล่วงหน้า โดยประเมินว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตในงวดไตรมาส 3 ปี 59 จะอยู่ที่ประมาณ 90%-94% เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 2 ปี 59 ที่ 87% และ 2.) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในงวดไตรมาส 3 ปี 59 จะดีเกือบใกล้เคียงไตรมาส 2 ปี 59 เนื่องจากยอดขายถังแก็ส 3 ส่วน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเมื่อเทียบกับถังแก๊ส 2 ส่วน มีสัดส่วนที่สูงขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากไตรมาส 2 ปี 59 ที่ 17% ซึ่งคาดว่าจะสามารถชดเชยกับปัจจัยกดดันจากต้นทุนเหล็กที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 59

ทั้งนี้ มีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 ขึ้นจากเดิมราว 28% เป็น 549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2 ปี 59 ทำได้ดีเกินคาด และแนวโน้มครึ่งหลังของปี 59 คาดยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง โดยคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปี 2559 ขึ้นเป็น 31.7% จากเดิมคาดที่ 25.5%

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี มองว่า SMPC จัดเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรสุทธิเติบโตได้ดีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 14% ต่อปี ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นระดับสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ในแง่ฐานนะการเงินนับว่าแข็งแกร่งมาก กระแสเงินสดสูง และคาดอัตราส่วน D/E ต่ำเพียง 0.4 เท่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในงวดปีคาดจะอยู่ในระดับที่น่าสนใจราว 5%-6% ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท

 

รายชื่อกรรมการ                                    

1.นางปัทมา เล้าวงษ์ 104,912,501 หุ้น 19.83%

2.นายธรรมิก เอกะหิตานนท์ 54,243,281 หุ้น 10.25%

3.นายจิรศักย์ พรหมสาขา ณ สกลนคร 35,713,200 หุ้น 6.75%

4.นางเบญจวรรณ ธารินเจริญ 33,654,496 หุ้น 6.36%

5.นายบพิธ ภัทรรังรอง 25,500,800 หุ้น 4.82%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย วินัย วิทวัสการเวช ประธานกรรมการ

2.นาย วินัย วิทวัสการเวช กรรมการอิสระ

3.นาง อุบล เอกะหิตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร

4.นาง อุบล เอกะหิตานนท์ รองประธานกรรมการ

5.นาย สุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ

Back to top button