UTP บวกเกือบ 6% โบรกฯ คาดกำไรปี 60-61 โตก้าวกระโดด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UTP ณ เวลา 10.27 น. ราคาอยู่ที่ 5.55 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.71% สูงสุดที่ 5.60 บาท ต่ำสุดที่ 5.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 59.91 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 1.01%

 

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” UTP ราคาเหมาะสม 6.90 บาท/ หุ้น อิง P/E 15.5x ตามค่าเฉลี่ยกลุ่ม โดยคาดราคาหุ้นกำลังจะเริ่ม Rally ไปตามผลกำไรที่จะขยายตัวแรง 59%/49% ระหว่างปี 2560/61 ตามลำดับ ภายหลังการขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีอีก 166% โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนี้

นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเต็มจำนวนไปแล้ว นี่ยังเป็นกำลังการผลิตทรงประสิทธิภาพใหม่ที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และให้ GPM ที่สูงขึ้นอีกด้วย และด้วยการมีอุปสงค์รอบรับไว้แล้ว เราประเมินแบบอนุรักษ์นิยมที่ Utilization เพียง 65% จาก 95% ก่อนเพิ่มกำลังผลิตใหม่ เรายังพบว่า UTP ยังคงให้ Dividend Yield น่าพอใจ 5.1%-7.4% ระหว่างเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตใหม่ (S-Curve) นี้อีกด้วย นี่เป็นหนึ่งในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในปี 2560 โดยผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวในครึ่งปีหลังปีนี้จากการเริ่มเปลี่ยนเครื่องจักรเป็นโอกาสในการสะสม

ทั้งนี้ UTP ขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี หลังจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง เริ่มมีความต้องการที่สูงขึ้นกว่า 2 เท่า ทำให้ UTP ตัดสินใจขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2557 โดยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 500 ตันต่อวัน (เพิ่มกำลังการผลิตถึง 166%) ผ่านเงินลงทุน 1.65 พันล้านบาท (debt financing ทั้งหมด) ซึ่งทยอยลง700 ล้านบาท / 1 พันล้านบาท ในปี 2558/59  ตามลำดับ โรงงานใหม่ของ UTP จะสร้างแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงกลางตุลาคม 2559 ซึ่งการลงทุนเครื่องจักรใหม่ได้รับ BOI ยกเว้นภาษีทั้งหมด 8 ปี

โดยใน ไตรมาส 4/59 UTP จะทำการปิดเครื่องจักรเก่าที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน เพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ และใช้เครื่องจักรใหม่ที่กำลังการผลิต 500 ตันต่อวัน เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษี โดยเครื่องจักรเก่าจะกลับมาใช้งานอีกครั้งเมื่อโรงไฟฟ้าที่ทำเพื่อเป็นแหล่งพลังงานรองรับสร้างเสร็จ (คาดเสร็จ ไตรมาส 1/60) ดังนั้นตั้งแต่ ไตรมาส 2/60 UTP จะมีกำลังการผลิตที่ 800 ตันต่อวัน

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติปี 2560/2561 โตแรง 59%/45%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำลังการผลิตใหม่ 500 ตันจะถูกรองรับด้วยความต้องการส่วนเพิ่มของบริษัทที่เกี่ยวข้อง 180 ตันต่อวัน และจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการแล้วอีกราว 133 ตันต่อวัน ทำให้เราคาดว่า utilization ที่ระดับ 75% หรือยอดขายอย่างน้อย 600 ตันต่อวัน ภายในระยะเวลา 2 ปี เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินตัว เมื่อประกอบกับสภาวะอุตสหากรรมที่มีการควบคุมราคาได้ดี (ผ่านสมาคม) และการได้ประโยชน์จาก economies of scale ในต้นทุนอื่นๆ ทำให้ยอดขายส่วนเพิ่มจะหนุนให้กำไรโตแรง