“สยามอีสต์ โซลูชั่น” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 60 ล้านหุ้น เข้า mai

“สยามอีสต์ โซลูชั่น” หรือ SE ผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมประเภทปั๊มสูบส่งน้ำและของเหลว อุปกรณ์ในกระบวนการผลิต ระบบท่อ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในกระบวนการผลิตและงานซ่อมบำรุง และให้บริการงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการให้บริการเคลือบพื้นผิวและตัดเย็บฉนวนหุ้ม ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น เข้า mai หวังระดมทุนใช้สนับสนุนศูนย์บริการวิศวกรรม โดยมีบล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัท สยามอีสต์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE ได้ยื่นไฟลิ่งครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 เนื่องจากบริษัทต้องการจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนศูนย์บริการวิศวกรรม (Workshop) โดยเป็นเงินทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์บริการวิศวกรรม  เพื่อรองรับงานบริการเคลือบพื้นผิว งานตัดเย็บฉนวนหุ้ม รวมถึงงานประกอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ในระบบปั๊มสูบส่งน้ำและของเหลวและอุปกรณ์ในระบบท่อ และเป็นเงินทุนสำหรับซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อสนับสนุนงานบริการต่างๆ และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ยังใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

บมจ.สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) ประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมประเภทปั๊มสูบส่งน้ำและของเหลว อุปกรณ์ในกระบวนการผลิต ระบบท่อ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในกระบวนการผลิตและงานซ่อมบำรุง และให้บริการงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการให้บริการเคลือบพื้นผิวและตัดเย็บฉนวนหุ้ม ปัจจุบัน สินค้าที่บริษัทฯ จัดหาและจำหน่ายมีมากกว่า 3,500 รายการ ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับสากลมากกว่า 40 ตราสินค้า ซึ่งสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ประโยชน์จากสินค้าอุตสาหกรรมในกระบวนการผลิต ระบบสาธารณูปโภค ระบบท่อ และงานซ่อมบำรุง

ผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 6 เดือนปี 2559 (ม.ค.-มิ.ย.) รายได้จากการขายและบริการ 205.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.19 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2559 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 219.89 ล้านบาท  หนี้สินรวม 95.92 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น  123.97 ล้านบาท

โครงการในอนาคต บริษัทมีแผนการก่อสร้างศูนย์บริการวิศวกรรม ในบริเวณพื้นที่เดียวกันกับที่ตั้งของอาคารสำนักงานที่จังหวัดระยอง เป็นอาคาร 1 ชั้น สูง 10 เมตร พื้นที่การใช้งานรวมทั้งสิ้น 1,750 ตารางเมตร มีเครนยกน้ำหนักรองรับน้ำหนักขนาด 10 ตัน ซึ่งศูนย์บริการวิศวกรรม จะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายน 2559 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2560 และเริ่มใช้งานในไตรมาส 3 ปี 2560

โดยศูนย์บริการวิศวกรรม จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการขยายการให้บริการงานเคลือบพื้นผิวเครื่องจักร อุปกรณ์ ระบบท่อ และการให้บริการงานออกแบบและตัดเย็บฉนวนหุ้มเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นสถานที่ให้บริการงานประกอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ในระบบปั๊มสูบส่งน้ำและของเหลวและอุปกรณ์ในระบบท่อ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในงานบริการต่างๆ ได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการสร้างรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ศูนย์บริการวิศวกรรม  ยังเป็นอาคารคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อเป็นสถานที่เก็บสินค้ารอการจำหน่ายแทนอาคารคลังสินค้าเดิม และเป็นอาคารสำนักงานของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจต่อไปในอนาคต

อีกทั้ง หลังคาของอาคารศูนย์บริการวิศวกรรม  แห่งนี้ ถูกออกแบบในลักษณะแนวราบเพื่อติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) รองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 150 กิโลวัตต์ เพื่อใช้ในอาคารศูนย์บริการวิศวกรรม  และอาคารสำนักงานของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าได้มากขึ้น

ทั้งนี้ งบประมาณลงทุนในการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการวิศวกรรม มีมูลค่าประมาณ 40.00 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดของกิจการเพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการวิศวกรรมนี้

บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 120 ล้านบาท  โดยเป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วจำนวน 90 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเต็มมูลค่าจำนวน 120 ล้านบาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทณ วันที่ 30 กันยายน 2559 คือ กลุ่มครอบครัวนางสาวอรสา วิมลเฉลา ถือหุ้น 147,100,000 หุ้น คิดเป็น 81.72% หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 61.29%  รองลงมา  นายแสงเพชร ตันทะอธิพานิช   ถือหุ้น 24,400,000 หุ้น คิดเป็น 13.56% หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 10.17%

บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี

Back to top button