POMPUI ขอชี้แจง

จากคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างของ POMPUI กับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถึงการได้มาซึ่งหุ้นเพิ่มทุนของ POMPUI จำนวน 12,429,000หุ้น โดยสาระเนื้อหาอาจสร้างความไม่เข้าใจต่อบุคคลที่ได้รับข่าวสารดังกล่าว


สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

 

จากคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างของ POMPUI กับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถึงการได้มาซึ่งหุ้นเพิ่มทุนของ POMPUI จำนวน 12,429,000หุ้น โดยสาระเนื้อหาอาจสร้างความไม่เข้าใจต่อบุคคลที่ได้รับข่าวสารดังกล่าว

POMPUI จึงถือโอกาสชี้แจงและกล่าวถึงขั้นตอนและวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ท่านให้ทราบกล่าวคือ ในปี 2558 POMPUI เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม NPG ของตลาดหลังทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่อาจถูกพิจารณาเพิกถอนออกจากบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากสถานทางบัญชีของทางบริษัทปี 2557 มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 282.61 ล้านบาท และมีผลประกอบการประกอบสุทธิ 22.94 ล้านบาท ซึ่งหากถูกเพิกถอนจะทำให้ผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัทได้รับความเสียหาย และบริษัทอาจอยู่ในสถานภาพล้มละลายทางการเงิน

ในขณะที่การประกอบการของธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มไปได้ด้วยดีภายหลังการปรับเปลี่ยนการบริหารงานของกลุ่มบริหารชุดปัจจุบัน บริษัทจึงได้ร่วมหารือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายเดียวของบริษัทถึงสาเหตุและความจำเป็นที่จะขอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ครั้งใหม่ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีความเห็นร่วมกันให้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เป็นผู้จัดทำรายการแนวทางซึ่งได้ข้อสรุปคือ

 

1) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะนำดอกเบี้ยค้างจ่ายและเบี้ยปรับผิดนัดของบริษัท จำนวน 310,725,000 บาท มาแปลงเป็นส่วนหุ้นสามัญของหุ้นบริษัท เพื่อให้เพียงพอกับการปรับส่วนของทุนให้เป็นบวก ณ วันที่ ประมาณ 35 ล้านบาท

2) การแปลงหนีโดยใช้ราคา 25 บาท ต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นหุ้นสามัญ 1 หุ้น ที่ปรึกษาทางการเงินมีความเห็นว่า เพื่อมิให้สักส่วนของหุ้นสามัญที่แปลงเป็นหุ้นของบริษัท จะไม่ทำให้เกิดความครอบงำกิจการของบริษัทในสัดส่วนที่ธนาคารจะถือหุ้นบริษัทมากเกินไป ทำให้หุ้นที่แปลงจำนวน 12,429,000 หุ้น

3) บริษัทมีการลดทุนเดิมที่จดทะเบียนไว้ยังไม่มีการชำระจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ครั้งก่อน จำนวน 13,380,001 หุ้น แล้วจึงเพิ่มทุนที่ 12,429,000 หุ้น ทำให้ไม่มีนัยการเปลี่ยนแปลงจำนวนทุนจดทะเบียนเดิมของบริษัท

4) การเพิ่มทุนของบริษัทโดยการแปลงหนี้และดอกเบี้ยค้างจ่ายและเบี้ยปรับผิดนัยของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้ มีการค้ำประกันการซื้อหุ้นคืนจากผู้ค้ำประกันตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยผู้ค้ำประกันต้องนำทรัพย์สินและบัญชีฝากฝากค้ำประกันเท่าจำนวนมูลค่าหุ้นที่แปลงต่อธนาคาร และธนาคารกำหนดให้ผู้ค้ำประกันต้องซื้อคืนหุ้นในช่วงระยะเวลากำหนด โดยการกำหนดราคาซื้อคืนเป็นไปตามการคำนวณความเหมาะสมจากที่ปรึกษาทางการเงิน และธนาคารเห็นชอบตามขั้นตอน ซึ่งธนาคารสามารถรับรู้และชำระหนี้จากส่วนของดอกเบี้ยค้างจ่ายและเบี้ยปรับนัดทันทีก่อนสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้หนักถึงกำหนด

5) ในปี 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิจากการประกอบการถึง 58.68 ล้านบาท

6) ในปี 2559 ผลการประกอบการของบริษัทครึ่งปีแรกมียอดขาย 621.03 ล้านบาท มีกำไรสุทธิรวม 12.64 ล้านบาท และคาดว่าในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และขอยื่นขอรับการพิจารณาต่อตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำหุ้นกลับเข้าสู่กระดานซื้อขายได้ในที่สุด

7) POMPUI ขอยืนยันภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นทุกคน และปฏิบัติตามเงื่อนไขของการชำระหนี้ต่อธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้ให้โอกาสบริษัทของคนไทยมีโอกาสเจริญเติบโตต่อไปในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

Back to top button