TMT:กำไรไตรมาส 3/59 ตามคาดแนะถือรับปันผลสูงพื้นฐาน 13.8 บ.
TMT:กำไรไตรมาส 3/59 ตามคาดแนะนำถือเพื่อรับปันผลสูง โดยให้ราคาพื้นฐาน 13.80 บาท อิงกับ P/E ปี 59-60 ที่ 10 เท่า เราคาดการณ์เงินปันผลสำหรับปี 59 ไว้ที่ 1.10 บาท/หุ้น (โดยให้ Payout ratio อย่างอนุรักษ์นิยมที่ 60% ต่ำกว่าปีปกติที่จ่าย 80% ของกำไรสุทธิ) ณ ราคาปิด 14.30 บาท คิดเป็น Dividend Yield ปี 59 เท่ากับ 7.8%
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(15 พ.ย.) ว่า บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT กำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ออกมาตามคาดที่ 144 ล้านบาท (+75%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ -49%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) ปัจจัยหนุนการเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ ปริมาณขายเหล็กที่เพิ่มขึ้นสูงทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเกือบ 175bps ส่วนการอ่อนลงของกำไรเทียบ เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะฐานกำไรไตรมาสก่อนหน้านี้สูงผิดปกติ ซึ่งเป็นผลจากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้มีราคาต่ำเพราะมีสต็อกเก่า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นใน ไตรมาส 2/59 สูงถึง 16.7%
ปริมาณขาย ไตรมาส 3/59 เพิ่มมาก ปริมาณขายสูงขึ้น 24%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1.77 แสนตันใน ไตรมาส 3/59 โดยหลักมาจากปริมาณขายผ่านดีลเลอร์ (41% ของปริมาณขายรวม) เพิ่มขึ้นมาก (+47%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) แม้ว่ายอดขายผ่าน Modern Trade จะน้อยลงแต่ก็เป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของปริมาณการขายรวม นอกจากนั้นปริมาณขายในกลุ่มก่อสร้างทั่วไป (13% ของปริมาณขายทั้งหมด) ก็ขยายตัวสูง 42%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณขายให้กับกลุ่มทำโครงสร้างเหล็กส่งออก (12% ของปริมาณขายทั้งหมด) เติบโตถึง 51%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2/59 พบว่าปริมาณขายสูงขึ้น 22%เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากลูกค้ากลุ่มดีลเลอร์ กลุ่มก่อสร้างทั้งโครงการขนาดใหญ่และก่อสร้างทั่วไป กลุ่มชิ้นส่วนเหล็กในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้เราเห็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของยอดขายเหล็กให้กับโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐใน ไตรมาส 3/59 ส่วนราคาขายเฉลี่ยทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า และขยับขึ้น 3%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 20.7 บาท/กก.
อัตรากำไรขั้นต้น ไตรมาส 3/59 อ่อนลงเป็น 8.8% จาก 16.7% ใน ไตรมาส 2/59 จากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ที่ใช้ผลิตเพื่อขายในไตรมาสนี้สูงขึ้น (ในช่วง 1H59 ราคาขายเหล็กปรับขึ้นมากกว่าต้นทุน+มีต้นทุนวัตถุดิบต่ำข้ามมาจากปลายปี 58) แต่ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับ ไตรมาส 3/58 ที่ 7.1%
สำหรับทั้งปี 59 ประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ 814 ล้านบาท (+154%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ส่วนปี 60 ประเมินว่ามาร์จิ้นจะกลับสู่ภาวะปกติ แต่ยอดขายยังเติบโตได้ 10-15% ซึ่งมาจากอุปสงค์เหล็กเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการก่อสร้างภาครัฐ & เอกชนที่คืบหน้ามากขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเพราะประสบความสำเร็จในการขายเหล็กผ่านระบบ Solution (ให้บริการครบวงจร พร้อมกับบริหารสินค้าคงคลังและระบบโลจิสติกส์ให้กับลูกค้า) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 392 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากฐานปกติปี 58 ได้ 22%
แนะนำถือเพื่อรับปันผลสูง โดยให้ราคาพื้นฐาน 13.80 บาท อิงกับ P/E ปี 59-60 ที่ 10 เท่า เราคาดการณ์เงินปันผลสำหรับปี 59 ไว้ที่ 1.10 บาท/หุ้น (โดยให้ Payout ratio อย่างอนุรักษ์นิยมที่ 60% ต่ำกว่าปีปกติที่จ่าย 80% ของกำไรสุทธิ) ณ ราคาปิด 14.30 บาท คิดเป็น Dividend Yield ปี 59 เท่ากับ 7.8% (จ่ายปีละ 1 ครั้ง ขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณต้นเดือนมี.ค.) ส่วนปี 60 ประเมิน Yield ไว้ที่ 5.0% ทั้งนี้ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาแล้ว 59% หลังจากที่เราแนะนำซื้อมาตั้งแต่ต้นปี 59 จึงปรับลดคำแนะนำเป็นถือ แต่บริษัทยังคงมีจุดเด่นที่จ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ