HPT เจ๋ง! โชว์กำไรไตรมาส 3/59 โตเกือบ 3 เท่า

HPT อวดกำไรไตรมาส 3 โต 297% รายได้รวม 33.74 ล้านบาท ยอดขายพุ่ง 30%คว้าออเดอร์สินค้ามาร์จิ้นสูง ประเมินโค้งสุดท้ายปีนี้ทิศทางอุตสาหกรรมดีต่อเนื่อง เห็นสัญญาณดีมานด์คึกคัก วางเกมรุกเพิ่มช่องทางจำหน่ายทั้งในประเทศ ต่างประเทศ AEC เต็มกำลัง ลุยเปิดโชว์รูมรองรับตลาด  คอนเฟิร์มรายได้รวมปีนี้โต 15 – 25%

 

นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/59  บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 2.03 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 297% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 0.51 ล้านบาท และมีรายได้รวมเท่ากับ 33.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 26.55 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้นกว่า 30% และส่วนใหญ่เป็นยอดจำหน่ายจากสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 59 รายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 59 อยู่ที่ 7.16 ล้านบาท เติบโตขึ้น 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 58  ที่ทำไว้ 4.86 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิกในช่วงสุดท้ายของปีนี้ ทิศทางยังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์เซรามิกไฟน์ไชน่าของตลาดต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในอเมริกาที่บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของออเดอร์ที่ส่งออกไป และถือเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ขณะเดียวกันได้รับผลพวงจากจีนขยับราคาสินค้าขึ้น จึงทำให้ผู้ประกอบการหันมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากขึ้น ทำให้บริษัทมีออเดอร์เต็มไปจนถึงต้นปี 60

นอกจากนี้ความต้องการใช้สินค้าของกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในตลาด AEC มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามอัตราการเติบโตของโรงแรมและร้านอาหารใน AEC  บริษัทจึงวางแผนเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ รองรับออเดอร์ของตลาดในประเทศและ AEC  ผ่านบริษัทย่อย บริษัท Central Hospitality จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซรามิกไฟน์ไชน่าแบรนด์ PE’TYE และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้และอุปกรณ์สำหรับธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และโรงแรม อาทิ ตู้อบ ตู้โชว์อาหาร มีด ช้อน ส้อม แก้ว ฯลฯ คาดว่าโชว์รูมดังกล่าวจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้

สำหรับสัดส่วนรายได้ปัจจุบันของ HPT แบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ 98% โดยรายได้หลักมาจากประเทศ อเมริกา รองลงมา คือ ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสัดส่วนรายได้จากตลาดกลุ่มประเทศ AEC และในประเทศอยู่ที่ 2% ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ในประเทศและกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มขึ้นเป็น 4% ภายในปี 2560 เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวและการโรงแรม

 

นางสาวนิจวรรณ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเตาเผาใหม่ที่ลงทุนเพิ่ม ปัจจุบันได้เตาดังกล่าวได้ปรับปรุงประสิทธิภาพและทดลองเผาจนสามารถเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งเตาเผาใหม่จะช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นตามกำลังการผลิตอย่างแน่นอนในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้รายได้จะมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 115.12 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการจำหน่ายสินค้ามากขึ้นตามกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ