GTB ค่อยเป็นค่อยไป

–คุณค่าบริษัท–

 

ทางด้าน บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) หรือ GTB ถือว่ายังมีจุดแข็ง…อุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า เข้ามาติดต่อเพื่อที่จะให้เสนอราคาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมอาหาร ยานยนต์  และไฟฟ้า รวมไปถึงโครงการเกี่ยวกับปิโตรเคมี ที่บริษัทฯได้เข้าไปเสนอราคาในหลายๆ โครงการ

ประกอบกับ ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกันยายนบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ประมาณ 527 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559 ประมาณ 50% ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทสามารถเติบโตตามเป้าที่ผู้บริหารตั้งไว้ที่ 8% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2560 อีกทั้งเชื่อว่ายังคงมีงานใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ในปี 2560 ทางบริษัทจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 8% เท่ากับปี 2559 ก่อน เพราะประเมินภาพรวมธุรกิจในปีหน้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้มีทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่สนใจเข้ามาติดต่อที่จะสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท และยังอยู่ระหว่างเสนอราคาติดตั้งเครื่องกำเนิดไอน้ำ (boiler) ในโรงงานโรงไฟฟ้าชีวมวล โครงการและโครงการปิโตรเคมีอีกหลายแห่ง

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยคาดว่าภายในเดือน ธันวาคมนี้จะสามารถสรุปรูปแบบการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในประเทศมาเลเซียได้ ซึ่งในเบื้องต้นจะเป็นรูปแบบการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนขายก่อน แล้วในปีหน้าจึงจะทำการจัดตั้งบริษัทย่อยต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทได้ให้ความสนใจและกำลังอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนนีเซียในรูปแบบเดียวกัน เนื่องจากมองว่าเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่และมีโอกาสเติบโตที่สูง และถือเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 10% ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีหน้า

ส่วนงบลงทุนในปี 2560 เบื้องต้นบริษัทตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่ม และใช้งบประมาณอีก 5-10 ล้านบาทต่อแห่ง ในการตั้งบริษัทย่อยที่ประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย หลังจากนั้นจะตั้งสำนักงานขาย โดยเงินที่ใช้จะมาจากกระแสเงินสดที่ได้จากขายหุ้นไอพีโอ

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรากับทาง VYNCKY ซึ่งเป็นพันธมิตรที่บริษัทได้ทำการซื้อเทคโนโลยีในการผลิตสินค้า boiler ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อขอขยายสิทธิ์ในการขายสินค้าจากเดิมที่ขายได้เฉพาะในประเทศไทยเป็นขายได้ทั้งกลุ่มประเทศ AEC เพื่อทำการตลาดในกลุ่มประเทศ AEC ให้มากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มสินค้าดังกล่าวมีการเติบโตที่ดี ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจาว่าจะเป็นการร่วมมือในรูปแบบใด เพื่อให้เป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย

ในส่วนของผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 354.99 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 250.81 ล้านบาท  เป็นผลจากรายได้ตามสัญญา, รายได้จากการให้บริการ, และรายได้อื่นมีการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 35.37 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 27.40 ล้านบาท หรือ 0.05 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวม 692.65 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 671.28 ล้านบาท ส่วนผลกำไรของบริษัทกลับลดลงเหลือ 36.31 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 52.03 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น  สาเหตุเนื่องจากในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งกลับรายการค่าปรับจากงานล่าช้าจำนวน 13.44 ล้านบาท

สิ่งสำคัญ คือ เมื่อนำมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ 0.61บาท มาคำนวณค่า P/BV ที่ระดับ 2 เท่า ซึ่งเป็นการคำนวณแบบอนุรักษ์นิยม จะได้ราคาเหมาะสมที่ระดับ 1.22 บาท และเมื่อนำเทียบกับราคาหุ้นบนกระดานที่ระดับ 1.18 บาท แสดงว่า ยังเหลือแก๊ปให้นักลงทุนเข้าเล่นได้นิดหน่อย

อย่างไรก็ดี ภาพรวม GTB ยังคงสดใส และจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต!!

…

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1. นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ 575,999,800 หุ้น 60.00%

2. นางนลิน มงคลอารีย์พงษ์ 144,000,000 หุ้น 15.00%

3. นายไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา 3,600,000 หุ้น 0.38%

4. นายสมชัย พิสพหุธาร 3,500,000 หุ้น 0.36%

5. นางศัลยา จารุจินดา 3,000,000 หุ้น 0.31%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ประธานกรรมการบริษัท

2.นาย ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ กรรมการอิสระ

3.นาย ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ กรรมการตรวจสอบ

4.นาย สุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

5.นาย สุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ รองประธานกรรมการบริษัท