DRT ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 5% ลุยขยายตลาด CLMV เพิ่ม
DRT ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 5% พร้อมเตรียมงบลงทุน 200 ลบ. เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร-ขยายสถานที่จัดเก็บสินค้า ลุยขยายตลาดส่งออกไป CLMV เพิ่ม
บริษัทผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ระบุว่า บริษัทวางเป้ารายได้ปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% โดยจะเน้นการขยายตลาดส่งออกในกลุ่ม CLMV เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกในปีนี้จะขยับขึ้นเป็น 18-19% จากปีก่อนอยู่ที่ 17-18% ขณะที่ตลาดในประเทศจะเน้นการขยายช่องทางขายผ่านร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และการขายให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 200 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรและขยายสถานที่จัดเก็บสินค้า
ขณะที่ นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ DRT เปิดเผยว่า ตลาดในประเทศนั้นบริษัทยังชูจุดแข็งของตราเพชรด้านสินค้าที่หลากหลายสามารถนำไปสร้างบ้านได้ทั้งหลังและมีบริการช่างติดตั้งเป็นแรงช่วยในการขยายตลาดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า ทั่งช่องทางขายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่และลูกค้าอสังหาริมทรัพย์
โดยสัดส่วนรายได้จากการขายในห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 14-15% จากปีก่อนที่ 13% และสัดส่วนรายได้จากการขายให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มเป็น 15% จากปีก่อนที่ 14% ส่วนร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยังคงเป็นช่องทางการขายที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยจะรักษาสัดส่วนยอดขายไว้ที่กว่า 50%
“แผนธุรกิจปี 60 จะเน้นรุกตลาด CLMV มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนตลาดส่งออก และก็ยังมีกลยุทธ์การรุกตลาดทุกช่องทางการขายทั้งในและต่างประเทศแบบ 360 องศาด้วยเช่นกัน เราประเมินว่าปีนี้การขายในประเทศช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและตลาดส่งออกยังคงเป็นพระเอกที่ช่วยผลักดันการเติบโต โดยกลุ่มสินค้าบอร์ด ไม้พื้น ไม้รั้ว จะมีความต้องการใช้เพื่อนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น อีกทั้งเรายังคงมุ่งมั่นการสร้างตราสินค้าพร้อมทำรายการส่งเสริมการขายและการให้บริการที่ดีจากทีมช่างตราเพชร เพื่อเสริมศักยภาพการทำตลาดให้แข็งแกร่งและรองรับโอกาสจากการฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง”นายสาธิต กล่าว
ขณะที่ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 60 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% จากปัจจัยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมที่จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงราคาพืชผลการเกษตรที่เพิ่มขึ้น เช่น ยางพารา และอ้อย ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อบรรยากาศการจับจ่ายและกำลังซื้อของผู้บริโภค
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมงบลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในปีนี้ราว 200 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาใช้สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรที่ดีขึ้น การลงทุนขยายพื้นที่จัดเก็บสินค้า รวมถึงวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการใช้สินค้าเพื่อพิจารณาการลงทุนรองรีบความต้องการใช้ในอนาคต