SMPC ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 20% เล็งสร้างโรงงานใหม่ในตปท.

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทสหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของในช่วงไตรมาส 1/60 มีแนวโน้มที่จะเติบโตดี เพราะมีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งคำสั่งซื้อที่ค้างมาจากปีก่อนและคำสั่งซื้อใหม่ ประกอบกับราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มราคาขายถังแก๊สปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากเพิ่มปริมาณสั่งซื้อเพราะเห็นสัญญาณราคาถังแก๊สจะปรับขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้ทยอยปรับราคาขายถังแก๊สเพิ่มขึ้น ตามราคาเหล็ก เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นของการขายถังแก๊สให้อยู่ในระดับเหมาะสมที่ 25-30% โดยปีนี้จะมีการผลิตถังแก๊สอยู่ที่ 7.2 ล้านใบ เพิ่มจาก 6.2 ล้านใบในปีที่แล้ว และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 90% ขณะที่ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 100 ล้านบาท สำหรับการใช้ซื้อเครื่องจักรเข้ามาทดแทนเครื่องจักรบางอย่างที่ชำรุด

“แนวโน้มไตรมาสแรกปีนี้ก็คาดว่าผลงานของเราจะสดใส เพราะออเดอร์เข้ามามากกว่าปกติ ส่วนหนึ่งมาจากออเดอร์ที่ค้างมาจากปีก่อน และมีออเดอร์ใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังแนวโน้มราคาเหล็กเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้ารีบสั่งออเดอร์กันเข้ามา เพราะราคาขายถังแก๊สก็จะปรับตัวขึ้นตาม ซึ่งทำให้ไตรมาสแรกนี้จะดีเป็นพิเศษ ส่วนไตรมาส 2 เป็นไตรมาสที่มีวันหยุดเยอะ ส่วนใหญ่เราก็จะใช้ช่วงไตรมาส 2 นี้เป็นช่วงทำการปรับปรุงเครื่องจักร”นายสุรศักดิ์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายยอดขายปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15-20% จากระดับ 3.5 พันล้านบาทในปีก่อน โดยคาดว่าปีนี้จะมีปริมาณการขายถังแก๊สอยู่ที่ 6.54 ล้านใบ จากภาพรวมอุตสาหกรรมการใช้ถังแก๊สที่เติบโต โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มียอดขายถังแก๊สที่ดี โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 95% และอีก 5% เป็นสัดส่วนรายได้จากในประเทศ ทั้งนี้ พื้นที่การขายในต่างประเทศจะอยู่ในโซนแอฟริกาสัดส่วน 39% โซนเอเชียแปซิฟิกสัดส่วน 31% โซนตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐฯรวมกันสัดส่วน 25% 

ทั้งนี้ การเติบโตของปริมาณขายต่อปีที่ค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทจำเป็นต้องขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องศึกษาการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม โดยโรงงานในประเทศสามารถรองรับการผลิตได้อย่างน้อยจนถึงปี 61 ซึ่งบริษัทมองหาโอกาสในการขยายกำลังการผลิตทั้งการตั้งโรงงานใหม่ไปยังต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในด้านลดระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งสินค้า และมาตรการกีดกันทางการค้าเช่นกำแพงภาษีจากการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในประเทศนั้น ๆ