SC หวังรายได้ปี 62 ทะลุ 2 หมื่นลบ.เล็งร่วมงาน-ร่วมทุน Startup

SC หวังรายได้ปี 62 ทะลุ 2 หมื่นลบ.เล็งร่วมงาน-ร่วมทุน Startup


นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า แผนงานปี 60 จะเดินหน้าตามกลยุทธ์เชิงรุกสำหรับ SC ในยุค 4.0 ที่เติบโตทั้งรายได้ควบคู่ไปกับนวัตกรรมและคุณภาพ ด้วยวิธีคิดอย่าง human-centric approach ใช้นวัตกรรมมาแก้ปัญหาที่เป็น seen และ unseen pain points ของผู้อยู่อาศัยโดย SC จะทั้งร่วมงานและร่วมลงทุนกับบริษัท startup หลายแห่ง เพื่อนำนวัตกรรมมาพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้อยู่อาศัย และมั่นใจว่า SC จะทำรายได้ทะลุ 20,000 ล้านบาทในปี 62

ตามแผนปี 60 SC จะมีโครงการเพื่อขายรวมทั้งสิ้น 49 โครงการ มูลค่า 54,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่า 27,000 ล้านบาท และโครงการต่อเนื่อง 32 โครงการ มูลค่า 27,000 ล้านบาท

โดยในไตรมาสแรกนี้ได้เปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2,200 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการเฮดควอเทอร์ส เอกมัย – ลาดพร้าว (HEADQUARTERS EKAMAI – LADPRAO) 2. โครงการเดอะ เจนทริ สุขุมวิท (THE GENTRY SUKHUMVIT) และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการทเวนตี้เอท ชิดลม (28 Chidlom) 2. โครงการแชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา (CHAMBERS CHER Ratchada-Ramintra)

สรุปผลการดำเนินงานปี 59 บริษัทมีรายได้รวม 14,504 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 14,434 ล้านบาทเติบโต 3% จากปี 2558  ซึ่งรายได้หลักมาจากธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 13,678 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 95% ของรายได้จากการดำเนินงาน  ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าและบริการ 756 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,968 ล้านบาทหรือคิดเป็น 13.6% ของรายได้รวม เติบโต 4% และ มีกำไรต่อหุ้น เท่ากับ 0.47 บาท บริษัทฯ มียอดขายรวม 11,612 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 59 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมเท่ากับ 33,487 ล้านบาท และ 19,046 ล้านบาทตามลำดับ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.32 เท่า

“ปี 59 ที่ผ่านมา SC  มีการเติบโตทั้งรายได้และกำไร ทั้งนี้มาจากการวางกลยุทธ์สำหรับสร้างรายได้ และบริหารค่าใช้จ่าย โดยสามารถรักษาฐานผู้นำส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป, มีการเติบโตทางรายได้จากบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-10 ล้านบาท สูงถึง 21 %, และมีการโอนคอนโดได้เกินเป้าหมาย โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา เมื่อประกอบกับการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและเน้นการใช้สื่อ Digital Marketing มากขึ้น ทำให้มูลค่ากำไรสุทธิของบริษัทสูงที่สุดในรอบ 14 ปี “นาณัฐพงษ์ กล่าว

 

Back to top button