SORKON คงเป้ารายได้ทั้งปีโตกว่า 10% พร้อมรุกขยายเฟรนไซส์อาหารจานด่วน

นายจรัสภล รุจิราโสภณ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายงาน QSR) บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON เปิดเผยว่า บริษัทคาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ปีนี้จะมีรายได้เติบโตมาที่ราว 180 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ราว 100 ล้านบาท โดยปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายแฟรนไชส์ของทั้งสองแบรนด์ร้านอาหาร ได้แก่ ร้านแซ่บคลาสสิก และร้านข้าวขาหมูยูนาน รวมถึงเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า อย่างการบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน (เดลิเวอรี่) ที่ทางบริษัทเพิ่งเริ่มให้บริการ ก็จะเห็นในส่วนนี้มากขึ้น

“เรายังคงมุ่งเน้นการขยายแฟรนไชส์เป็นหลักในปีนี้ โดยเฉพาะในส่วนของร้านอาหารข้าวขาหมูยูนานที่อาจจะสามารถขยายได้เร็วขึ้น เพราะเป็นการขยายร้านขนาดเล็ก ส่วนร้านแซ่บคลาสสิกก็จะมุ่งเน้นการขายผ่านรูปแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น และรูปแคทเทอริ่งหรือการจัดเลี้ยง”นายจรัสภล กล่าว

นายจรัสภล กล่าวว่า บริษัทมองภาพรวมธุรกิจ QSR ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่ เป็นไปตามยอดขายของร้านแซ่บคลาสสิก ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 17 สาขา แบ่งเป็นการบริหารเอง 13 สาขา และขายแฟรนไชส์ 4 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 20 สาขา โดยจะเป็นแฟรนไชส์ราว 7 สาขา

ส่วนร้านข้าวขาหมูยูนาน บริษัทจะเน้นการขายแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยจะรุกเข้าสู่แหล่งชุมชนมากขึ้น ประกอบกับ จะมีการพัฒนาเมนูใหม่ๆ เช่น ข้าวหมูแดง ,บะหมี่ เมนูเส้น ซึ่งเป็นเมนูต่อยอดข้าวขาหมู เป็นต้น คาดปีนี้จะเปิดเพิ่มได้อีก 5 สาขาทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่ 24 สาขา แบ่งเป็น สาขาในไทย 20 สาขา ,กัมพูชา 3 สาขา และลาว 1 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขายแฟรนไชส์กับผู้ที่สนใจลงทุนในเวียดนามเพิ่มเติมอีก

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ จะมีร้านอาหารสาขารวมทั้งสิ้น 100 สาขา โดยจะมีสัดส่วนแฟรนไชส์ 80% และบริหารเอง 20% อีกทั้งบริษัทยังมีความสนใจที่จะขยายไปสู่อาหารแบบสตรีทฟู้ดอื่น ๆ โดยเฉพาะเมนูประเภทเส้นด้วย

นายจรัสภล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมของธุรกิจปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยมีแผนออกสินค้าใหม่ไตรมาสละ 1 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งในไตรมาส 2/60 ช่วงที่ผ่านมาได้ออกสินค้าพร้อมทานไปแล้ว คือ ข้าวเหนียวหมูฝอย เป็นต้น ขณะที่บริษัทก็จะขยายช่องทางการขายใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น พื้นที่ที่นักท่องเที่ยวชอบไป (ทัวร์ริสต์) จากปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากโมเดิร์นเทรดราว 80% ที่เหลือจะเป็นอื่นๆ