TPCH ทุ่มงบ 4 พันลบ. ลุยโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้ พร้อมจ้าง TPOLY ก่อสร้าง
TPCH ทุ่มงบ 4 พันลบ. ลุยโรงไฟฟ้าชีวมวล 4 แห่ง ในภาคใต้ พร้อมจ้าง TPOLY ก่อสร้าง
บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) อนุมัติงบประมาณเกือบ 4 พันล้านบาท เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็ก (SPP) และขนาดเล็กมาก (VSPP) จำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับอนุมัติว่าจ้างบมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) เป็นผู้ก่อสร้างทั้ง 4 โครงการ
โดยการลงทุนดังกล่าวจะดำเนินการโดยบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด (ทีพีซีเอช 1) จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP กำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 9.2 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบุดี อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ภายใต้งบประมาณรวมจำนวน 800 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง เครื่องจักร อุปกรณ์และอะไหล่
บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด (ทีพีซีเอช 2) จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP กำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 9.2 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบุดี อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ภายใต้งบประมาณรวมจำนวน 788 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง เครื่องจักร อุปกรณ์และอะไหล่
บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด (ทีพีซีเอช 5) จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส กำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 6.3 เมกะวัตต์ ภายใต้งบประมาณรวมจำนวน 648 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง เครื่องจักร อุปกรณ์และอะไหล่
บริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล SPP ตั้งอยู่ที่ตำบลลิปะสะโง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี กำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 21 เมกะวัตต์ ภายใต้งบประมาณรวมจำนวน 1,721 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง เครื่องจักร อุปกรณ์ และอะไหล่
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้บริษัทย่อยเข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลกับ TPOLY โดย ทีพีซีเอช 1 เข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 667.15 ล้านบาท ,ทีพีซีเอช 2 เข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 654.32 ล้านบาท ,ทีพีซีเอช 5 เข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 520.30 ล้านบาท และปัตตานี กรีน เข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 1,331 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าของ ทีพีซีเอช 1,2 และ 5 บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนแห่งละ 65% โดยโรงไฟฟ้าได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในรูปแบบ Feed-in-Tariff พ.ศ. 2559 โดยมีอายุสัญญา 20 ปี นับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ และได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (FiT Premium) ในอัตรา 0.30 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 8 ปีนับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ โดยมีกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญา (SCOD) ในวันที่ 31 ธ.ค.61
ส่วนโครงการปัตตานี กรีน บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 65% นั้น จะจำหน่ายไฟฟ้า ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในรูปแบบสัญญา Non-Firm โดยมีอายุสัญญา 5 ปีและต่อเนื่อง และจะได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอัตรา 1.30 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปี นับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ โดยมีกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญา ในวันที่ 1 มี.ค.62
สำหรับแหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทย่อย หรือจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท ขณะที่บริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนของโครงการ (IRR) มากกว่า 10% ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัทที่กำหนด