HTECH แย้มผลงาน H2/60 โตเด่น หลังเดินเครื่องผลิตเต็มสูบ
HTECH แย้มผลงาน H2/60 โตเด่น หลังเดินเครื่องผลิตเต็มสูบ รองรับออเดอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมลุยผลิตและจำหน่ายสินค้า High-end คาดสร้างกำไรได้สูงกว่ากลุ่มสินค้าเดิม
นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการงวดครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อของลูกค้ารายหลักที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จ และจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/60 ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน รองรับสินค้ากลุ่ม High-end โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปขยายฐานลูกค้าในกลุ่มยานยนต์และกลุ่มต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มยอดขายและกระจายความเสี่ยง และมุ่งเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท High-end ซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่มสินค้าเดิม สนับสนุนให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่นได้
ส่วนโรงงานผลิตเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) ในประเทศเวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยติดตั้งเครื่องจักร คาดจะสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/60 ตามแผนที่วางไว้ เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง และมั่นใจผลงานปี 60 รายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากระดับ 826 ล้านบาทในปี 59 ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ทำรายได้รวมได้แล้ว 497 ล้านบาท
“HTECH มั่นใจทิศทางครึ่งปีหลังจะเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ภายหลังติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/60 และจะสะท้อนผลประกอบการเต็มปี ตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป รองรับออเดอร์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน และไม่สามารถผลิตได้ทันกับความต้องการของลูกค้า
รวมทั้ง การขยายตลาดใหม่เพิ่มเติมอีก สนับสนุน HTECH ให้มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต และเปิดเกมรุกตลาดในฐานะผู้นำ Cutting Tools รายใหญ่ของประเทศ” นายพีท กล่าว
ขณะเดียวกัน นายพีทยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่ ล่าสุดได้รับใบอนุญาตจากนิคมอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งอยู่ระหว่างทยอยติดตั้งเครื่องจักร และขนย้ายเครื่องจักรระหว่างตึกเก่าและตึกใหม่ โดยอาคารโรงงานแห่งใหม่นี้ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)