CWT ไร้เงาเสี่ยวี
วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นวันที่คำสั่งลงโทษอันแสนประหลาดของ ก.ล.ต. ที่มีต่อนายวีระพล ไชยธีรัตต์ หรือเสี่ยวี ให้กลายเป็นอดีตประธานกรรมการ และซีอีโอ.ของบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เป็นเวลา 3 เดือน แต่ยังให้นั่งเป็นผู้บริหารต่อไป
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นวันที่คำสั่งลงโทษอันแสนประหลาดของ ก.ล.ต. ที่มีต่อนายวีระพล ไชยธีรัตต์ หรือเสี่ยวี ให้กลายเป็นอดีตประธานกรรมการ และซีอีโอ.ของบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เป็นเวลา 3 เดือน แต่ยังให้นั่งเป็นผู้บริหารต่อไป
ความผิดของเสี่ยวี ในมุมมองของ ก.ล.ต.คือ “ทำผิดขั้นตอนที่ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อกิจการ” แต่ไม่ผิดในสาระสำคัญ จากการเข้าเจรจาซื้อทรัพย์สินที่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลของ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อปี 2559
การเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าจาก IEC ในนาม บริษัท โคกเจริญ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (KE) ผู้ผลิตไฟฟ้าจากเศษไม้ และไม้สับ ขนาด 9.5 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟภ. รวมเป็นเงิน 70 ล้านบาท แบ่งเป็นชำระเงินสด 50 ล้านบาท และเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้า 20 ล้านบาท แต่โดยที่ KE อยู่ระหว่างการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสัญญาจากระบบ Adder เป็น Feed-in Tariff ด้วย
ความจำเป็นทางเทคนิคของการเจรจา ที่ทำให้ เสี่ยวี จำต้องดำเนินการจ่ายเงินของ CWT ไปก่อนบางส่วนนั้น โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถถ่ายโอนใบอนุญาตได้หรือไม่….ถือว่าสุ่มเสี่ยงหากมองจากมุมกฎหมาย…ถ้าบังเอิญมีการเบี้ยวขึ้นมาจนดีลสะดุด
บังเอิญการตัดสินใจครั้งนั้นถูกต้อง…..ดีลดังกล่าวจบลงสวย
ท้ายสุด CWT ก็ได้โรงไฟฟ้าดังกล่าวมาไว้ในกำมือ ของบริษัทย่อยคือ บริษัท กรีน เพาเวอร์ 2 จำกัด (เปลี่ยนจากชื่อเดิม โคกเจริญ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด) เรียบร้อย ไม่มีปัญหาสะดุดลง…และไม่มีการเบี้ยวจนทำให้สูญเงินแม้แต่บาทเดียว
เรื่องมันน่าจะจบลงเพราะไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น….แต่ ก.ล.ต. ไม่ยอมให้จบ
เสี่ยวี ก็เลยถูกบูชายัญด้วยข้อหา “ซุกซนเกินจำเป็น”….ถูก “หวดไม้เรียว” พักงาน 3 เดือนสังเวยไปให้สาแก่ใจ
เป็นที่มาของการลาออกจากทุกตำแหน่งแบบงงๆๆๆๆ
เดิมทีนั้น ใครก็คาดว่า เมื่อครบ 3 เดือนแล้ว เสี่ยวีคงจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เพราะภาพลักษณ์ของเสี่ยวี คือเครื่องหมายการค้าของ CWT…นั่นเป็นการประเมินที่ต่ำเกิน เพราะล่าสุดในการเปลี่ยนตำแหน่งกรรมการบริษัทสัปดาห์นี้ เสี่ยวี ไม่มีชื่อมาเอี่ยวด้วยแต่อย่างใด
การประชุมบอร์ดของ CWT เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ได้มีมติดังนี้รับทราบการลาออกจากตําแหน่ง กรรมการ และกรรมการตรวจสอบ หลายคน ไม่มีชื่อของเสี่ยวีเลย….ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา
ที่ไม่ธรรมดาเพราะว่าวันเดียวกัน CWT ก็รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า มีกำไรสุทธิไตรมาสสามสวยสดงดงามถึง 28.14 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 7.95 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือน มากถึง 73.37 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ที่แค่ 44.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 66.34%
กำไรแค่ 9 เดือนที่มากกว่ากำไรตลอดปี 2559 จะบอกว่าเฉย ก็คง…ให้ค่าต่ำเกินไป
ผลการดำเนินงานในไตรมาสสามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มีคำอธิบายว่า เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก
1) บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 11%
2) บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานโดยการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/60 จำนวน 10.95 ล้านบาท ต่อเนื่องจากไตรมาสสอง
3) รายได้จากธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์จากลูกค้า ซึ่งเคยและยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในไตรมาสสามโดดเด่นต่อไปจากไตรมาสสอง จากธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์จากลูกค้าเดิมที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดส่งออกรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงบริษัทฯได้รับยอดคำสั่งซื้อชิ้นส่วนหนังสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่จำนวน 4 รุ่น ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ 2 รายจากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งความสามารถในการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหนังลดลงจากการสั่งซื้อวัตถุดิบจากแหล่งผู้ขายวัตถุดิบโดยตรง
กำไรที่เกิดจากปัจจัยบวกมากมาย คือผลพวงของความยากลำบากที่เสี่ยวีทำเอาไว้ทั้งสิ้น
นี่ยังไม่นับอนาคตที่จะเกิดขึ้นจากรายได้ใหม่คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท กรีน เพาเวอร์ 2 จำกัด (GP2) ที่มีกำหนดวัน SCOD ใหม่อีกโรง ในวันที่ 16 เมษายน 2561 ในขณะที่ยามนี้กำลังเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้า หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 60 และได้รับอนุมัติจาก กฟภ. ให้เลื่อนส่งไฟฟ้าจากกำหนดเดิมที่ระบุในสัญญาเดิม
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ปีนี้ CWT น่าจะถือเป็นปีทองระลอกใหม่ และส่งต่อความสำเร็จไปยังปีหน้าภายใต้เงื่อนไขว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานที่สูงขึ้น
แต่….ความรุ่งเรืองครั้งใหม่ ที่ไม่มีเสี่ยวี ร่วมปรากฏตัวด้วย….คงจะเหงาไม่น้อย
โหวงเหวง ๆๆๆๆๆๆ