ข่าวดีจากอียู?
ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย นายกฯ ยักคิ้ว ปลาบปลื้มหน้าบาน สหภาพยุโรปประกาศฟื้นความสัมพันธ์ รัฐบาลได้ทีคุยอวดว่าต่างชาติเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ มีแต่ไอ้พวกคนไทยส่วนน้อยนี่แหละ ที่เอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ ทำให้เกิดความขัดแย้งกดดันรัฐบาล แถมบิดเบือนเรื่องต่างๆ
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย นายกฯ ยักคิ้ว ปลาบปลื้มหน้าบาน สหภาพยุโรปประกาศฟื้นความสัมพันธ์ รัฐบาลได้ทีคุยอวดว่าต่างชาติเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ มีแต่ไอ้พวกคนไทยส่วนน้อยนี่แหละ ที่เอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ ทำให้เกิดความขัดแย้งกดดันรัฐบาล แถมบิดเบือนเรื่องต่างๆ
เดี๋ยวนะครับ ไม่ทราบอ่านคำแถลงอียูครบหรือเปล่า คำแถลง 14 ข้อ แม้ภาพรวมเป็นด้านดี แต่ก็พ่วงคำว่าเสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เป็นเงื่อนไขเต็มไปหมด นี่ไม่ใช่หรือ เรื่องที่คนไทยวิพากษ์วิจารณ์
รัฐบาลฉวยโอกาสที่คนส่วนใหญ่อ่านแต่พาดหัวข่าวอียูกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ ที่ลดระดับลงหลังรัฐประหาร (อันที่จริง คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้นะนี่ ว่าเขาลดความสัมพันธ์ เพราะท่านยืนกรานมาตลอดว่าไม่มีปัญหา) กระทั่งสื่อก็ตีปี๊บแต่ด้านดี ภาคธุรกิจก็วาดฝันการค้าการลงทุนกระเตื้อง
ใช่เลย ถ้ามองท่าทีอียู ในภาพรวมก็เป็นบวก มองได้ว่าในภาวะเศรษฐกิจการเมืองโลกปัจจุบัน อียูอยากฟื้นความสัมพันธ์กับไทยเร็วที่สุด โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ ที่มีผลประโยชน์การค้า แต่ด้วยความเป็นสหภาพยุโรป ที่ต้องแสดงจุดยืนร่วมกันทุกประเทศ อียูจึงไม่สามารถเหลวไหลอย่างทรัมป์ ที่จู่ๆ ก็เชิญผู้นำจากการรัฐประหารเข้าทำเนียบขาว
อียูสบโอกาสเมื่อนายกฯ ให้คำมั่น เลือกตั้งพฤศจิกายน 61 ฉวยไปเป็นเงื่อนไขฟื้นสัมพันธ์ กระนั้น คำแถลงทุกข้อก็ตีกรอบอย่างระมัดระวัง ไม่ทิ้งคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องละเมิดสิทธิ พลเรือนขึ้นศาลทหาร คดีความมั่นคงต่างๆ กระทั่งคำแถลงข้อ 8 ที่เป็นสาระสำคัญก็ตีกรอบว่าต้องเจรจาเรื่องเสรีภาพประชาธิปไตยด้วย
“…คณะรัฐมนตรีฯ ตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่การติดต่อทางการเมืองในทุกระดับกับประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกการเจรจาในประเด็นที่มีความสำคัญร่วมกัน อันรวมถึงด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแผนการดำเนินงานสู่ประชาธิปไตย”
มองมุมหนึ่ง อาจเป็นแค่ “เล่นท่ายาก” อยากเจรจาการค้าเต็มแก่ เพียงต้องรักษามาด แต่มองจากพื้นฐานสิทธิเสรีภาพในยุโรป หากไม่ยึดหลักเสียเลยสหภาพก็จะถูกประชาชนของตนด่า อียูจึงตีกรอบในข้อ 11 ว่าการลงนาม PCA การเจรจา FTA จะเกิดในรัฐบาลเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งยังติ่งข้อ 12 ว่าให้ความสำคัญเรื่องสิทธิเสรีภาพอยู่นะ
แน่ละครับ สมมติหลังเลือกตั้ง มี ส.ว.แต่งตั้ง ยกมือเลือกนายกฯ คนนอก อียูก็คงไม่อินังขังขอบ แม้อาจวิจารณ์บ้าง แต่ขอแค่มี “เลือกตั้ง” ก็สามารถเจรจาค้าขายได้เต็มเหนี่ยว
สำคัญคือจะมีเลือกตั้งเดือน พ.ย. 61 จริงหรือเปล่า เพราะคำแถลงอียู เท่ากับเร่งเร้ารัฐบาลในด้านกลับ เรากลับมาคบกันแล้วนะ เราเตรียมเจรจา PCA, FTA กัน แต่ยังลงนามไม่ได้นะ เอาไว้หลังเลือกตั้งโน่น
รัฐบาลก็รู้แก่ใจ ว่านี่คือข่าวดีที่มาพร้อมแรงกดดัน ทำให้ทุกคนตั้งตารอ แต่พวกท่านพร้อมไปสู่เลือกตั้งจริงหรือเปล่า ประกาศใช้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาจะครบ 3 เดือนยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง แค่พบอาวุธกลางทุ่งก็ยกมาเป็นข้ออ้าง
การไปสู่เลือกตั้ง ไปเป็นรัฐบาลที่ไม่มี ม.44 แม้วางกลไกจำกัดสิทธิเสรีภาพไว้เพียงไร ก็ต้องมีฝ่ายค้าน ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ต้องรับมือการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะผุดเป็นดอกเห็ด โดยไม่สามารถเอาใครไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร นี่ไม่ต้องให้อียูวิจารณ์ก็รู้แก่ใจ
ข่าวดีจากอียู ขึ้นอยู่กับเลือกตั้งได้ตามคำมั่นไหม ถ้าไม่ได้ทุกอย่างจะประดังเข้าใส่